Morgan Housel เขียนไว้ในบทสุดท้ายของหนังสือ The Psychology of Money ว่าเขามีทรัพย์สินแค่สามอย่างเท่านั้น คือบ้าน บัญชีเงินฝาก และกองทุนรวม ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายครั้งว่ากองทุนรวมที่เขาซื้อนั้นเป็นกองทุนของ Vanguard
Vanguard คือบริษัทจัดการกองทุนระดับโลกที่ก่อตั้งโดย John Bogle ผู้บุกเบิกแนวคิดการลงทุนในกองทุนดัชนี (Index Funds) ที่บริหารจัดการแบบเชิงรับ (passive fund) ค่าธรรมเนียมของ Vanguard จึงต่ำมาก
มอร์แกนมองว่าเราไม่จำเป็นต้องเอาชนะตลาด เพราะเราไม่มีเวลาหรือความสามารถมากพอที่จะวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว การซื้อหุ้นทั้งตลาดผ่านกองทุนอย่าง Vanguard คือวิธีการที่ง่ายที่สุดและกระจายความเสี่ยงได้ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนทั่วไป
John Bogle เจ้าของ Vanguard ชอบเล่าเรื่องหนึ่งอยู่บ่อยๆ:
ในงานปาร์ตี้ของมหาเศรษฐี เพื่อนซี้นักเขียนสองคนยืนคุยกัน
Kurt Vonnegut แซว Joseph Heller ว่าเจ้าภาพงานวันนี้หาเงินได้ในวันเดียวมากกว่าที่โจเซฟหาได้จากหนังสือ Catch-22 มาตั้งแต่หนังสือตีพิมพ์เสียอีก
โจเซฟจึงตอบเคิร์ทว่า
“I’ve got something he can never have.”
เคิร์ทเลยถามกลับ
“What on earth could that be, Joe?”
และนี่คือคำตอบของโจเซฟ
“The knowledge that I’ve got enough.“
สิ่งที่คนรวยหลายคนยังไม่มีและอาจไม่มีวันได้ครอบครอง คือความรู้จักพอ
เมื่อเดือนที่แล้ว ผมและเพื่อนๆ ได้มีโอกาสไปกินข้าวกับพี่อ้น วรรณิภา ภักดีบุตร เพื่อฉลองการเกษียณของพี่อ้น
ระหว่างที่เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ พี่อ้นเปรยว่ามีคนชอบเอาอาหารบำรุงร่างกายมาให้ทดลองกิน
พี่อ้นบอกว่าพอกินของที่ได้มาหมดแล้ว พี่อ้นก็หยุด แล้วไปกินอย่างอื่นต่อ เพราะเราไม่ควรกินของอย่างเดียวติดต่อกันนานๆ
ผมฟังพี่อ้นแล้วทำให้นึกถึง Tony Robbins หนึ่งในไลฟ์โค้ชที่ดังที่สุดในโลก และน่าจะเป็น “ตัวพ่อ” ของการใช้ชีวิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมาแต่ไหนแต่ไร
อาหารที่โทนี่โปรดปรานและกินเป็นประจำคือปลาทูน่าและปลา swordfish แต่แล้ววันหนึ่งภรรยาก็รู้สึกว่าโทนี่เริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ และหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ เมื่อไปตรวจกับหมอถึงพบว่าเขามีสารปรอทในร่างกายสูงระดับเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งสารปรอทเหล่านี้เกิดจากการสั่งสมของปลาที่โทนี่กินประจำนั่นเอง
เมื่อเราพยายามเป็น “เวอร์ชั่นของตัวเองที่ดีที่สุด” เราอาจมีแนวโน้มที่จะหารูทีนที่เข้ากับเรา หาเมนูที่กินแล้วดีต่อสุขภาพ หาการออกกำลังกายที่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและทำให้เราก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ความคิดที่จะ maximize อยู่ตลอดเวลาก็อาจกลับมาทำร้ายเราได้เช่นกัน เหมือนที่โทนี่กินแต่ปลาที่เขาเชื่อว่ามีประโยชน์สูงสุดจนมีสารปรอทอยู่เต็มตัว
ผมเองเคยสนใจแต่การออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ไม่ชอบเล่นเวท แล้วก็ได้พบว่าการวิ่งแต่เพียงอย่างเดียวโดยที่กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ไม่แข็งแรงพอก็ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรัง
ผมเคยชอบอ่านแต่หนังสือ how-to เพื่อจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่พอเริ่มอ่านให้กว้างกว่านั้น เช่นนิยาย ประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งหนังสืออย่างพุทธรรมก็ค้นพบว่าเนื้อหาบางอย่างจากหนังสือเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการทำงานยิ่งกว่าหนังสือ how-to เล่มดังเสียอีก
เหตุผลที่ Morgan Housel ลงทุนใน Index Funds อย่าง Vanguard ก็เพราะเขามองว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการได้รับผลตอบแทนสูงสุด คือจะลงทุนอย่างไรเพื่อจะได้ไม่ต้องนอนกระสับกระส่ายในยามค่ำคืน
เขามองว่าหากเขาได้ผลตอบแทนเท่าตลาด และยืนระยะได้ยาวนาน ถึงจุดหนึ่งเขาก็ย่อมมีเงินมากพอที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงินของเขาได้ เหมือนโจเซฟ เฮลเลอร์ผู้เขียน Catch-22 เป้าหมายไม่ใช่การมีให้มากที่สุด แต่คือการรู้จักว่าแค่ไหนคือพอแล้ว
แน่นอนว่า “การใช้ชีวิตแบบกองทุนรวม” ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะบางคนก็แสวงหาความเป็นเลิศและพร้อมที่จะทิ้งบางอย่างเพื่อจะได้เป็นที่หนึ่งในบางเรื่อง
สำคัญคือการที่เรากลับมาถามตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหน อยากมีไลฟ์สไตล์แบบใด จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งหรือก้าวหน้ากว่าคนอื่นหรือเปล่า
ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่าตลาด ก็อาจต้องทุ่มสุดทางกับหุ้นบางตัว
แต่ถ้าเราเป็นสายชิลและไม่แคร์เรื่องผลตอบแทนสูงสุด การใช้ชีวิตแบบกองทุนรวมก็สบายกาย-สบายใจดีนะครับ
