ถ้อยคำที่ผ่านเข้ามาหลังวันเลือกตั้งปี 66

ถ้อยคำที่ผ่านเข้ามาหลังวันเลือกตั้งปี 66

ถ้อยคำแรก จาก Nassim Nicholas Taleb ในหนังสือ Skin in the Game ปี 2018

“You will never fully convince someone that he is wrong; only reality can.”

เราไม่อาจโน้มน้าวใครได้หรอกว่าเขาคิดผิด ต้องรอให้ความจริงพิสูจน์ตัวมันเอง


อีกหนึ่งถ้อยคำ มาจากคุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เจ้าของ openbooks ที่เคยมาพูดให้ Wongnai WeShare เมื่อสิงหาคม 2019

[ถาม]: เวลาอ่านหนังสืออย่างปัญญาอนาคต อ่านบทสัมภาษณ์คุณภิญโญ หรือดูวีดีโอที่คุณภิญโญให้สัมภาษณ์ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากๆ ก็คือคุณภิญโญดูจะโปรคนรุ่นใหม่ (pro – เข้าข้าง) คำถามก็คือทำไมต้องโปรคนรุ่นใหม่ด้วยครับ แล้วคนรุ่นเก่าอยู่ที่ไหนในสมการของอนาคต

[ตอบ]: ที่ต้องโปรคนรุ่นใหม่มากเพราะคนรุ่นเก่าโปรตัวเองกันเยอะไปแล้ว หลงใหลในความรุ่งเรืองในอดีตของตัวเองมากจนเกินไป คนรุ่นเก่ามีอำนาจอยู่ในมือเพราะว่าอยู่ที่นี่มานาน เมื่ออยู่มานานก็มีอำนาจเยอะ แล้วก็ไม่อยากสูญเสียอำนาจนั้นไป

อำนาจในการตัดสินใจบงการชีวิตลูกหลาน อำนาจในการตัดสินใจบงการชีวิตอนาคตธุรกิจ อำนาจในการตัดสินใจบงการอนาคตการเมือง อำนาจในการกำหนดนโยบายอนาคตของประเทศ

ซึ่งถ้าท่านผู้มีเกียรติเหล่านั้น รวมทั้งรุ่นผมหรือตัวผมด้วยทำได้ดี เราคงอยู่ในประเทศที่พัฒนาก้าวหน้ามีความสุขสะดวกสบายอิ่มหนำสำราญใกล้ๆ ยุคพระศรีอาริย์เข้าไปเต็มที จากเพชรบุรีตัดใหม่บ้านผมมาถึงสุขุมวิทคงไม่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงอย่างนี้ เมื่อกี้ต้องลงจากรถเพื่อนั่งมอเตอร์ไซค์มา ระยะทางมันแค่ 2 กิโล นี่คือผลงานของคนรุ่นเก่าที่ทำเอาไว้หรือไม่ได้ทำเอาไว้

ฉะนั้นคนรุ่นผมถือเป็นคนรุ่นเก่า มีประโยชน์อะไรที่จะมาชมเชยตัวเอง ถ้าเราทำดีไว้ในอดีตที่ผ่านมา เราคงไม่ต้องส่งมอบสังคมที่ทำให้ลูกหลานต้องลำบากแบบนี้ ถ้าเราใช้เวลา 20 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ผมเริ่มทำงานหรือ 30 ปีที่ผ่านมาสำหรับคนรุ่นที่กำลังจะเกษียณ ทำงานอย่างเต็มที่มีประสิทธิภาพและทำในวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง เราจะส่งมอบสังคมที่น่าอยู่ ความขัดแย้งต่ำ แล้วทุกคนมองเห็นอนาคตร่วมกันได้ให้กับลูกหลาน ซึ่งก็คือทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ แล้วลูกหลานจะไม่มีคำถามย้อนกลับมาที่เรา

ผมว่าคนรุ่นผมต้องทำความผิดพลาดอะไรบางอย่าง หรือไม่ได้ทำบางอย่างให้ดี มันจึงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น นั่นคือเหตุผลที่เราต้องละวางอดีต ละวางคนรุ่นเก่าไว้ เพราะว่ามีอำนาจ แต่ไม่สามารถสร้างสรรค์สังคมที่มีคุณภาพเพียงพอที่จะให้คนรุ่นใหม่อยู่อาศัยและเดินทางต่อไปสู่อนาคตได้

คำถามคือ แล้วถ้าผมอยู่ตรงกลาง ผมควรที่จะไปยึดอดีต แล้วโปรคนมีอำนาจล้นฟ้าอยู่แล้ว มีทรัพยากรล้นฟ้าอยู่แล้ว หรือผมควรจะหันหน้ากลับมาสนทนากับคนรุ่นใหม่แล้วบอกว่านี่คือปัญหาที่คนรุ่นผมสร้างมา หรือว่าไม่ได้สร้างมาแต่เราล้มเหลว เราทำไม่สำเร็จ

ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ผมขอฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นใหม่ แล้วทำสิ่งที่มันดีขึ้นให้กับประเทศนี้ ไม่งั้นผมจะอยู่ในสังคมแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร

คนรุ่นผมเหลือเวลาไม่มากในการมีชีวิตอยู่ ความหวังก็คือหวังว่าคนรุ่นใหม่จะสร้างสังคมที่ดีขึ้น กำลังเราเหลือน้อย ปัญญาเราเหลือน้อย เราจำเป็นต้องฝากชีวิตเราไว้อยู่ในมือคนรุ่นใหม่ทุกท่าน

เราต้องให้ปัญญา ให้กำลัง ให้ทรัพยากร และให้กำลังใจคนรุ่นใหม่ที่จะร่วมสร้างสังคมที่ดี เราจำเป็นต้องอยู่อาศัยในสังคมนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่ทำไม่สำเร็จ เราจะไม่เหลือใครที่มีกำลังพอที่จะแบกรับอนาคตของประเทศชาตินี้ไว้ได้เลย…ซึ่งนี่จะเป็นเรื่องที่น่าขมขื่นมาก…พูดแล้วน้ำตาจะไหลนึกออกไหมครับ…

…ไหลมาเอง ไม่ได้ตั้งใจ…ขออภัย…

นี่คืออารมณ์ของสังคมตอนนี้ ผมว่ามันเป็นอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจคนไทย ที่ผมพูดอย่างนี้น้ำตามันไหลออกมาเอง ไม่ได้ตั้งใจจะดราม่า แต่คำถามมันโดนใจ

ถ้าเราไม่ฝากความหวังกับคนรุ่นใหม่ ใครจะสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ผมดีใจมากที่มีโอกาสได้มาพูดกับทุกท่านในวันนี้ ขอบพระคุณที่ให้เกียรติ อยากมาพูดกับคนรุ่นใหม่มากกว่าคนรุ่นเก่า อยากมาพูดกับ startup ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวมากกว่าพูดกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องปรับตัวอะไรอีกแล้ว เพราะทุกท่านคือความหวังของคนรุ่นผม

ผมจึงพยายามกำลังสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ว่า ช่วยมีความมั่นใจและสร้างอนาคต เดินทางต่อไปเถอะ แม้ว่าจะเป็นเรื่องยาก คนรุ่นผมฝ่าฟันกันมาเยอะ ทำสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ สำเร็จบ้างก็มี ผลงานไม่ได้มากมายนัก แต่ประเทศนี้จะเดินทางต่อไปสู่อนาคตท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความยากลำบากขนาดนี้ได้ ไม่มีใครที่จะฟันฝ่าไปได้นอกจากคนรุ่นใหม่ที่จะร่วมมือร่วมใจกันเพื่อที่จะฟันฝ่าไปให้ได้

คนรุ่นใหม่คือบริษัทเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมา คือวงในและอื่นๆ อีก 500 บริษัท นี่ผมใช้คำเปรียบเปรย ห้าร้อยไม่ได้หมายถึงตัวเลข 500 นะ ห้าร้อยมาจากทหารพระเจ้าตาก ทหารเสือที่ฟันฝ่าและสร้างธนบุรีให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้

วันนี้เราต้องการ 500 ธุรกิจต้องการ 500 ชีวิตต้องการ 500 ผู้มีวิสัยทัศน์เพื่อที่จะสร้างอนาคตให้มันเดินต่อไปได้ ไม่งั้นเราจะอยู่อย่างไร เราจะส่งมอบอนาคตแบบไหนให้กับสังคมไทย คนรุ่นเก่าต้องเข้าใจว่าประเทศมันต้องสร้างด้วยคนรุ่นใหม่ หน้าที่ของคนรุ่นเก่าคือให้ทรัพยากร ให้เวลา ให้ปัญญา ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างอนาคตให้กับประเทศนี้ในทุกๆ ภาคส่วน เศรษฐกิจ สังคม การเงิน วัฒนธรรม ศิลปะ ต้องให้เขาสร้าง ต้องเปิดโอกาส อย่ากดสังคมนี้ไว้อีกต่อไป มันเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว

อย่าใช้อำนาจเป็นตัวนำสังคม ให้ใช้ปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ให้เขาได้มีโอกาสสร้างอนาคตให้กับประเทศในวันที่มันพอจะสร้างได้ เพราะในวันที่มันสร้างไม่ได้ เราเหลือกลยุทธ์เดียวคือเราต้องหนี อย่าให้คนรุ่นใหม่ อย่าให้เยาวชนต้องหนีจากประเทศนี้ไป

ให้ประเทศนี้เป็นดินแดนแห่งความหวัง ให้ประเทศนี้เป็นดินแดนแห่งอนาคต ไม่ใช่เป็นดินแดนที่ถูกอดีตกดทับ แล้วเราต้องอยู่กับความทรงจำกับความรุ่งเรืองในอดีตที่จางหายไปแล้วแต่คุณยังไม่ตระหนัก

นี่คือทำไมผมต้องคุยกับคนรุ่นใหม่ ผมจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในอนาคตที่คนรุ่นใหม่สร้าง ฉะนั้นไม่มีทางที่ผมจะปฏิเสธกำลัง ความคิด ความฝันของคนรุ่นใหม่ ผมมีหน้าที่ต้องให้เวลา พลังงาน ปัญญากับคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เขาทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อให้พวกคุณทุกท่านทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แล้วผมจำเป็นต้องฝากชีวิตน้อยๆ ของผมอยู่ในสังคมที่สร้างโดยคนรุ่นใหม่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องสื่อสารกับคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจนที่สุด แล้วจำเป็นต้องเปิดโอกาสทางสังคม ต้องทำให้สังคมตระหนักรู้ได้ว่า เราคนรุ่นเก่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องเปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ในทุกมิติได้แล้ว หยุดการครอบงำสังคมด้วยอคติและความทรงจำเดิมๆ และความสำเร็จในอดีตของเราเสียที

(เสียงปรบมือยาวนาน)

[ถาม]: คราวนี้จะทำยังไงดี ในเมื่อคนรุ่นเก่าเขาไม่เห็นความจำเป็นต้องหลีกทาง ต้องเปิดพื้นที่ให้กับคนตัวเล็กๆ 500 คน

[ตอบ]: เรื่องแบบนี้ตอบง่ายที่สุดและสั้นที่สุด ท่านท่องไว้หนึ่งคำ 3 ครั้ง disruption, disruption, disruption

สวดมนต์ไว้ disruption, disruption, disruption

คุณไม่มีทางไปร้องขออำนาจหรือความเปลี่ยนแปลงจากคนที่หวงอำนาจและไม่อยากเปลี่ยนแปลง คุณขอสิ่งที่เขาไม่อยากให้มากที่สุดได้อย่างไร สิ่งที่คนรุ่นเก่าหวงมากที่สุดก็คืออำนาจ สิ่งที่คนรุ่นเก่ากลัวมากที่สุดคือความเปลี่ยนแปลง คืออยากจะรักษาอำนาจและไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะการเปลี่ยนแปลงคือการสูญเสียอำนาจในทุกๆ มิติ

ฉะนั้นสิ่งเดียวที่คุณจะทำได้คือการ disruption สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ โดยไม่ต้องร้องขออำนาจ เมื่อคุณ disruption ไปทีละจุด ทีละจุด ทีละจุด 500 จุดหรือมากกว่าไปเรื่อยๆ สังคมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเอง โดยที่คนรุ่นเก่าก็ได้แต่มองตาปริบๆ แล้วค่อยๆ ถอยออกจากบทบาทที่ตัวเองยืนอยู่

คลื่นลูกใหม่ย่อมเข้ามาแทนที่คลื่นลูกเก่า คลื่นลูกใหม่ไม่เคยขอร้องให้คลื่นลูกเก่าหลีกทางให้ แต่คลื่นลูกใหม่สร้างตัวเองเข้าสู่ชายหาดเรื่อยๆ เราเป็นต้นไม้เล็กๆ ต้องหาทางที่จะหลบร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เพื่อเตรียมตัวเข้าไปหาแสงแล้วเติบโตขึ้นมา แม้ว่ามันจะบิดงอไปตามทิศทางของแสง แต่ในเมื่อมันเติบใหญ่ขึ้นมาได้ แม้ว่าจะบิดงอ ยากที่จะเหยียดยืนหยัดตรงเป็นต้นไม้เหมือนรุ่นเก่า แต่มันก็จะเติบโตขึ้นมาได้แล้วกลายเป็นป่าแห่งใหม่

อย่าร้องขอ อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง แต่จงเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองอยากเป็นด้วยตัวของคุณเอง แล้วใช้พลังของการ disruption สร้างมันขึ้นมาทุกจุดในสังคม แล้วสังคมจะเปลี่ยน อยากทำงานธุรกิจสร้างธุรกิจ อยากทำงานวัฒนธรรมสร้างวัฒนธรรมใหม่ อยากทำงานสังคมสร้างสังคม อยากทำงานการเมืองสร้างการเมือง อยากเขียนหนังสือเขียนหนังสือ อยากทำอะไรทำ ใช้พลังแห่งความเชื่อมั่น disrupt มันไปทีละส่วน แล้วสังคมจะเปลี่ยนแปลงจากความเปลี่ยนแปลงมวลรวมของปัจเจกชนขึ้นมาได้

ยากที่เราจะหา platform และฉันทามติร่วมกันในเวลานี้เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมทั้งหมด รอไปถึงชาติหนึ่งก็อาจจะไม่เปลี่ยน แต่ง่ายกว่าที่ปัจเจกชนจะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างแล้วเปลี่ยนแปลงทีละจุด เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วจึงเปลี่ยนแปลงผู้อื่น เปลี่ยนแปลงธุรกิจแล้วก็เปลี่ยนแปลงสังคม เปลี่ยนแปลงสังคมแล้วค่อยไปเปลี่ยนแปลงโลก อย่าคิดเปลี่ยนแปลงโลกแล้วย้อนกลับมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ฉะนั้นง่ายสุดคือลงมือทำในสิ่งที่เราเชื่อมั่น อย่าสูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อตนเอง อย่าสูญเสียศรัทธาที่มีต่อตนเอง อย่าหมดหวังกับตนเอง อย่าหมดหวังกับประเทศ ถ้ามีความหวังกับตัวเอง มีความหวังกับสังคม เราจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตนเอง เปลี่ยนแปลงสังคมแล้วเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เราไม่มีโอกาสหมดหวังกับประเทศนี้ เราไม่มีโอกาสหมดหวังกับสังคม เพราะเราจะไม่มีประเทศและไม่มีสังคมให้เราเดินต่อไปได้

คนรุ่นผมอาจจะต้องขออภัยที่ไม่สามารถส่งมอบสังคมในอุดมคติให้กับคนรุ่นใหม่ได้ แต่ผมหวังว่าคนรุ่นคุณจะสามารถแผ้วถางทางสร้างธุรกิจ สร้างสังคมวัฒนธรรมใหม่ที่ดีกว่าเพื่อสร้างสังคมให้คนรุ่นลูกหลานของคุณใน 20 ปีข้างหน้า แล้วคุณคือคนที่จะมานั่งคุยอยู่ตรงนี้ในอนาคต แล้วบอกกับคนรุ่นหลังว่า เราได้พยายามเต็มที่แล้ว”