คนที่รู้คุณคน

เช้านี้ผมได้ดูวีดีโอวัยเด็กของ Erling Haaland นักเตะทีมชาตินอร์เวย์

สำหรับคนที่ติดตามฟุตบอลจะรู้ว่าฮาแลนด์เป็นกองหน้าทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่กำลังเดินหน้าทำลายสถิติเป็นว่าเล่น

เมื่อวันที่ 16 เมษายน ฮาแลนด์เพิ่งทำสถิติยิง 32 ประตูในพรีเมียร์ลีกเทียบเท่ากับที่ Mohamed Salah เคยยิงให้ลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2017/2018

แต่ฤดูกาลนี้ยังเหลือแมทช์พรีเมียร์ลีกอีก 8 นัด ดังนั้นถ้าไม่เจ็บไปเสียก่อน ฮาแลนด์น่าจะทำลายสถิติของซาล่าห์ได้ไม่ยาก

ความคลาสสิคก็คือพ่อของฮาแลนด์ – อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ ก็เคยเป็นนักเตะของแมนซิตี้และทีมชาตินอร์เวย์เช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ คือฮาแลนด์ดูเป็น “ผู้ใหญ่” กว่าผู้เล่นวัยเดียวกัน แม้จะเก่งระดับปีศาจแต่ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยอีโก้ เขาเป็นนักบอลที่ใจกว้าง ถ้าเห็นเพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ก็พร้อมจะส่งบอลให้เพื่อนยิงเสมอ

กลับมาที่วีดีโอของฮาแลนด์วัยเด็กที่ผมได้ดูเมื่อเช้านี้

หลังจบเกมทีมเยาวขน นักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ฮาแลนด์

(นักข่าว: “What’s your dad’s name?”)

ฮาแลนด์: “Alf-Inge Haaland”

นักข่าว: “That’s right. You’re named Erling and you scored two goals. Where did you learn this? From your dad?”

ฮาแลนด์: “I don’t know. By myself.”

นักข่าว: “He doesn’t get the credit for it?”

ฮาแลนด์: “No, but for everything else.”

นี่คือคำที่ออกจากปากเด็ก 13 ขวบ

ฮาแลนด์เป็นกองหน้า ส่วนพ่อของฮาแลนด์เคยเป็นกองกลางและกองหลัง ดังนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไมฮาแลนด์ถึงบอกว่าเขาฝึกฝนด้วยตนเองจนวันนี้ยิงได้ 2 ประตู

แต่เขาปิดท้ายว่า “…but for everything else” – ความหมายก็คือทุกอย่างที่เหลือที่ฮาแลนด์มีและเป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาได้มาจากพ่อทั้งนั้น

ถ้าผมเป็นอัลฟ์-อิงเก้ ผมคงปลื้มน่าดู ว่าเราไม่ได้แค่เลี้ยงลูกให้เป็นนักฟุตบอลที่ดี แต่เรายังเลี้ยงลูกให้เป็นคนที่ใช้ได้อีกด้วย

เวลาชีวิตกำลังไปได้สวย เรามักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันเกิดจากฝีมือของเราล้วนๆ

แต่มนุษย์ไม่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเดี่ยว เก่งและขยันคนเดียวไม่อาจบินสู่ที่สูง คนหนึ่งคนจะสำเร็จได้ต้องอาศัยใครบางคนเป็นลมใต้ปีกเสมอ

หากเรารู้คุณคน เราจะไม่ลืมตน และไม่ลืมคนสำคัญที่ทำเพื่อเราตลอดมาครับ