อย่าให้กรุงเทพน่าอยู่แค่ช่วงสงกรานต์กับปีใหม่

ช่วงหยุดยาว เวลาขับรถในกรุงเทพ เรามักจะหันไปพูดกับคนใกล้ตัวว่า “ถ้ากรุงเทพถนนโล่งอย่างนี้ทุกวันจะน่าอยู่มากเลยนะ”

แม้จะไม่เพอร์เฟ็กต์ แต่กรุงเทพก็เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ อาหารการกินเพียบพร้อม ห้างน่าเดิน ทุกอย่างอยู่ใกล้กัน ถ้ารถไม่ติดจะเดินทางไปไหนก็ใช้เวลาเพียงนิดเดียว

สองปีที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นคุณค่าของวันหยุดยาวมากนัก เพราะโควิดและล็อคดาวน์ทำให้เราคุ้นชินกับกรุงเทพที่รถไม่ค่อยติดเสียแล้ว

ตอนนี้รัฐบาลเริ่มคลายล็อคดาวน์ รถบนท้องถนนเริ่มมีมากขึ้น ผมเลยอยากเขียนบทความนี้ถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

ว่านโยบาย work from home ควรจะมีอยู่ต่อไป

จริงๆ ผมสนับสนุนให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศนะครับ เพราะทำงานที่บ้านทุกวันนั้นทำให้เหี่ยวเฉาและเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคซึมเศร้า

มนุษย์เป็นสัตว์สังคมและอยู่ร่วมกับมนุษย์ผู้อื่นมาเป็นแสนเป็นล้านปี การต้องมานั่งทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์อยู่หน้าจอคอมในห้องตัวคนเดียวไม่น่าจะเป็นผลดีต่อร่างกายและจิตใจได้

ผมได้แต่หวังว่าเมื่อโควิดเริ่มซา ผู้บริหารส่วนใหญ่จะมีความกล้าพอที่จะไม่กลับไปยึดมั่นถือมั่นนโยบายเดิมๆ เพราะเราได้พิสูจน์แล้วว่าการทำงานแบบ work from home นั้นไม่ได้ทำให้คนอู้งาน จริงๆ แล้วในหลายบริษัทมันทำให้คนทำงานหนักเกินไปด้วยซ้ำ

หากทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน ร่วมแรงร่วมใจออกนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ 2-3 วันต่อสัปดาห์ มันน่าจะเป็น sweet spot ที่เป็นผลดีต่อทุกคน พนักงานยังได้เจอเพื่อนฝูงแต่ก็ยังมีความยืดหยุ่นที่ไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองทุกวัน นายจ้างก็ยังได้การทำงานที่ประสิทธิภาพโดยไม่เบียดเบียนสุขภาพพนักงานมากจนเกินไป

ที่สำคัญ เมื่อรถบนท้องถนนหายไป 40% กรุงเทพจะเป็นเมืองที่น่าอยู่ขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องตะเกียกตะกายตื่นแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดอีกต่อไป

แน่นอนว่านโยบาย WFH คงไม่ได้เป็นผลดีต่อทุกคน ราคาหุ้นทางด่วนอาจจะไม่โต คอนโดอาจต้องจัดโปรโมชั่น พนักงานบริษัทรถยนต์อาจไม่ได้โบนัส 6 เดือน ส่วนสถาบันการศึกษาก็ต้องขบคิดว่าจะสอนแบบ hybrid ทั้งออนไลน์และเจอหน้าได้อย่างไร

แต่มนุษย์นั้นปรับตัวเก่งอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็น่าจะหาทางออกกันได้

อีกสามเดือนต่อจากนี้ เมื่อประชาชนกรุงเทพได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอจนเกิด herd immunity การตัดสินใจของพวกเราเกี่ยวกับนโยบาย work from home จะเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญว่าคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรครับ