
วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ
ฟรอยด์จำได้ว่าเมื่อครั้งที่ไฟฟ้ามาถึงกรุงเวียนนาเป็นครั้งแรกนั้น เพื่อนของเขาคนหนึ่งที่มาจากบ้านนอกได้แวะมาค้างคืนกับเขา ฟรอยด์ดูแลเพื่อนเป็นอย่างดี พาไปที่ห้องนอน กล่าวราตรีสวัสดิ์ เพื่อปล่อยให้เขาได้พักผ่อน
เพื่อนของเขากลับงุนงงอยู่กับเรื่องเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องหลอดไฟ เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะดับตะเกียงได้ โดยใช้การเป่าเพื่อให้เทียนดับ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรกับหลอดไฟนี้ เขาพยายามอย่างเต็มที่ ยืนบนเก้าอี้เป่ามันหลายครั้งแต่ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ เขาตรวจดูทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่เห็นมีรูที่ตรงไหนเลย
เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามีสวิตช์ไฟอยู่ที่ข้างฝานั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำให้เขาจินตนาการเช่นนั้นได้ เขาเองไม่เคยรู้จักไฟฟ้ามาก่อน และเขาก็ไม่กล้าที่จะไปถามฟรอยด์หรือคนอื่น เพราะเขาจะกลายเป็นคนโง่…”ท่านปิดไฟไม่เป็นหรือ ท่านเป็นคนชนิดไหนกัน?” มันจะทำให้เขารู้สึกอับอาย เขาพยายามนอนทั้งๆ ที่ไฟเปิดอยู่ แต่เขาก็นอนไม่หลับ แสงมันจ้าเกินไป เขาไม่เคยเห็นแสงที่สว่างเช่นนี้ เขารู้จักแต่แสงเทียน แต่หลอดไฟให้แสงสว่างเท่าเทียนเป็นร้อยเล่ม ในตอนเช้าเขาดูอ่อนเพลียมาก
ฟรอยด์ถามเขาว่า “คุณดูเหนื่อยมาก เมื่อคืนคุณนอนไม่หลับหรือ?”
“ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว เพราะผมต้องพักอยู่อีกสามวัน หลอดไฟนี้มันคงฆ่าผมแน่ๆ! เพียงแค่จ้องดูมันก็ทำให้ผมเสียวไปถึงไขสันหลังแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะปิดมันอย่างไร”
“คุณนี่โง่จริง! ทำไมคุณไม่ถามผม?”
“มันน่าอับอายเหลือเกิน ที่จะต้องถามสิ่งที่แสนธรรมดาเช่นนี้!”
ฟรอยด์พาเพื่อนไปที่ฝาผนัง ให้ดูสวิตช์ เพื่อนของเขาได้ลองปิดเปิดและก็หัวเราะพร้อมพูดว่า “มันเป็นสิ่งที่แสนจะธรรมดา แต่ตลอดทั้งคืนผมได้พยายามแล้ว แต่ก็หามันไม่เจอ!”
เขาอาจจะพยายามมาแล้วทั้งชีวิตแต่ก็ไม่สามารถเชื่อมโยงสวิทช์กับแสงไฟนั้นได้
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวท่าน จิตนึกคิดของท่านนั้นมันเปิดอยู่ตลอดเวลา
ขอบคุณนิทานจาก OSHO: เชาวน์ปัญญา ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด แปลและเรียบเรียง