
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า extrinsic motivation และ intrinsic motivation
Extrinsic motivation คือแรงจูงใจจากภายนอก เช่นเงินตรา ตำแหน่ง ชื่อเสียง
ส่วน intrinsic motivation คือแรงจูงใจที่ขับมาเองจากภายใน เช่นอยากเห็นงานนี้มันสำเร็จ หรือว่างานนี้มันเติมเต็มอะไรบางอย่าง
นักวิทยาศาสตร์พบว่า แรงจูงใจสองอย่างนี้ต่างกันมาก และถูกขับเคลื่อนจากสมองคนละส่วนด้วยซ้ำไป
Extrinsic motivation นั้นถูกขับเคลื่อนจากสมองส่วนเดียวกับที่เกี่ยวกับวินัยแบะการควบคุมตนเอง ในขณะที่ intrinsic motivation นั้นถูกขับเคลื่อนโดยสมองส่วนเดียวกับที่ดูแลเรื่องความต้องการและความปรารถนา (needs & desires)
ดังนั้น ถ้าเราหา intrinsic motivation ของงานแต่ละชิ้นได้เจอ เราจะรู้สึก “อยาก” ที่จะทำมันมากขึ้นและจะมีความสุขกับมันมากขึ้นด้วย
สิ่งนี้เรียกสั้นๆ ว่า Personal Why หรือเหตุผลที่เราจะลงมือทำงานแต่ละอย่าง
มีเรื่องเล่าจาก “เดวิด” ซึ่งเป็น CEO โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งที่อยากจะเข้าใจเนื้องานในโรงพยาบาลมากขึ้น เขาจึง “ปลอมตัว” เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่พยาบาล และวิ่งเข้าวิ่งออกห้องฉุกเฉินพร้อมกับเตียงผู้ป่วยไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
เดวิดสังเกตเห็นช่างคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับประตูแบบ swing door เหมือนที่เราเห็นในหนัง เดวิดถามช่างคนนั้นว่าทำอะไรอยู่ ช่างเลยตอบว่า
“ผมพยายามไขน็อตประตูให้มันแน่นพอดีๆ เพราะถ้าแน่นเกินไป ประตูจะแข็งและเหวี่ยงแรงมาก ถ้าคนไข้ที่อยู่บนเตียงถูกลากผ่านประตูแบบนั้นคงจะตกใจ และไม่ช่วยให้คนไข้อาการดีขึ้น!”
ทั้งๆ ที่ช่างอาจจะมองว่างานซ่อมประตูเป็นเรื่องที่ซ้ำซากน่าเบื่อ แต่เขากลับมี personal why ที่มอบคุณค่าและความหมายให้กับเขา
กลับมามองที่ตัวเอง
บางทีเราก็ยุ่งมาก วุ่นมาก มีเรื่องให้ต้องทำเยอะเกินไป บางงานก็สนุก บางงานก็ต้องกัดฟัน บางงานก็ดูไร้สาระ จนบางทีก็อดไม่ได้ที่จะขุ่นข้องหมองใจอยู่ลึกๆ
แต่ทุกงานที่เราทำมันกำลังสร้างคุณค่าบางอย่าง
มองให้ออกว่างานนั้นมันสร้างคุณค่าอย่างไร และมันสอดคล้องกับสิ่งที่เรายึดมั่นอย่างไร
หา Personal Why ของเราให้เจอ แล้วเราจะมีความสุขกับงานมากขึ้น
หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะไม่ทุกข์ทนกับมันจนเกินควรครับ
—–
ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ How To Have A Good Day by Caroline Webb