กฎ 4 ข้อสำหรับการกิน

สุขภาพที่ดีนั้นมีอยู่สามขา คือ กินให้ดี ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ (Eat, Move, Sleep)

ในความเห็นของผม การนอนสำคัญที่สุด รองลงมาคือการกิน สุดท้ายคือการออกกำลังกาย

เรื่องการกินนั้นเราถูกสอนมาแต่เด็กว่าให้กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่เหมือนเราจะยังไม่รู้จักวิธีการกินอย่างถูกต้อง คนจำนวนไม่น้อยจึงคอเลสเตอรอลเกิน 200 ตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าๆ และชอบหลอกตัวเองเองด้วยการงดของหวานมันก่อนตรวจสุขภาพประจำปี พอเจาะเลือดเสร็จแล้วเย็นนั้นค่อยไปฉลองด้วยการกินหมูกระทะ

กฎ 4 ข้อสำหรับการกินมีดังนี้

  1. กินเมื่อหิว
  2. กินในสิ่งที่ร่างกายต้องการ
  3. กินแต่ละคำอย่างมีสติ
  4. หยุดกินเมื่อร่างกายบอกว่าพอแล้ว

กินเมื่อหิว – ในหนังสือ “ยิ่งหิว ยิ่งสุขภาพดี” บอกไว้ว่าเมื่อใดที่ร่างกายหิว มันจะหลั่ง growth hormone ออกมาซึ่งจะทำให้ร่างกายเราดูอ่อนเยาว์ ความหิวยังทำให้เรามีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น กระแส IF (Intermittent Fasting) หรือการอดอาหารนั้นจึงมาแรงเพราะเชื่อว่าจะทำให้ productive มากขึ้น

กินในสิ่งที่ร่างกายต้องการ – ไม่ใช่สิ่งที่กิเลสต้องการ หากสังเกตตัวเองอยู่บ้าง สิ่งที่กิเลสต้องการนั้นทำให้เราสุขใจได้เดี๋ยวเดียว แต่ทำให้ร่างกายเป็นทุกข์ได้หลายชั่วโมง ถ้าคุณกินขนมขบเคี้ยวเยอะๆ ตอนบ่ายพลังงานจะตกอย่างเห็นได้ชัด

กินแต่ละคำอย่างมีสติ – บางทีเราก็กินอย่างเร่งรีบ หรือกินไปเล่นมือถือไปจนแทบไม่รับรู้รสชาติอาหารและเคี้ยวไม่ละเอียด เลยเสียโอกาสที่จะเอ็นจอยอาหารอร่อยๆ และรังแกกระเพาะและลำไส้ให้ทำงานหนักขึ้น

หยุดกินเมื่อร่างกายบอกว่าพอแล้ว – พระท่านว่าฉันให้อิ่มเพียง 80% แล้วค่อยดื่มน้ำตามก็จะอิ่มพอดี และจริงๆ แล้วร่างกายกับสมองจะมี lag กันเล็กน้อย เมื่อท้องบอกว่าอิ่มแล้ว กว่าสัญญาณนั้นจะส่งไปถึงสมองก็กินเวลาหลายนาทีอยู่ ดังนั้นการหยุดกินก่อนที่จะอิ่มจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ

กินเมื่อหิว กินสิ่งที่ร่างกายต้องการ กินอย่างมีสติ และหยุดกินตอนใกล้จะอิ่ม

มากินอย่างคนฉลาดเพื่อสุขภาพของตัวเองกันครับ


ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจากหนังสือ เงินหรือชีวิต Your Money or Your Life by Vicki Robin