เป็นมิตรกับความผิดหวัง

ประโยคหนึ่งที่ผมชอบมากคือ Learn to take “No” as a question.

เวลาโดนปฏิเสธ แทนที่จะจมจ่อมกับความรู้สึกเฟลๆ ให้มองว่าคำปฏิเสธนั้นคือประโยคคำถาม

ถ้าขายของแล้วเขาไม่ซื้อ แสดงว่าลูกค้ากำลังถามว่า ของชิ้นนี้มันจะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นยังไง ราคานี้คุ้มค่าแล้วจริงหรือ เขาจะโดนหลอกรึเปล่า

ถ้าเสนอโปรเจ็คแล้วเจ้านายไม่อนุมัติ แสดงว่าเจ้านายก็มีคำถามเหมือนกัน ว่าโปรเจ็คนี้จะส่งผลกระทบอะไรบ้าง ใช้เวลามากเกินไปรึเปล่า ถ้าผิดพลาดขึ้นมาแล้วเขาจะอธิบายข้างบนยังไง

ถ้าจีบสาวแล้วเขาไม่สน คำถามที่เขามีก็คือเราเหมาะกับเขาตรงไหน เดินกับเราแล้วเขาจะภูมิใจหรือจะอาย คบกับเราแล้วจะดีกว่าอยู่คนเดียวยังไง

เมื่อมองดีๆ คำถามเหล่านี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร หน้าที่ของเราคือเตรียมคำตอบให้ดีสำหรับโอกาสถัดไป

แล้วความผิดหวังจะเป็นตัวผลักดันให้เราดีกว่าเดิม ของที่เคยขายไม่ได้ก็จะเริ่มขายได้ โปรเจ็คนี้ไม่อนุมัติแต่โปรเจ็คหน้าก็อาจจะอนุมัติ สาวคนนี้ไม่สนแต่คนถัดไปอาจจะสนใจเราก็ได้

เมื่อรู้จักเปลี่ยนประโยคปฏิเสธเป็นประโยคคำถาม เราก็จะไม่ take it personal จนเกินไป

แล้วเราก็จะเป็นมิตรกับความผิดหวังได้มากขึ้นครับ