สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกมาได้สักพักแล้ว คือกระบวนการ “ให้คะแนน” ทีมงานหรือตัวบุคคลในบริบทต่างๆ นั้นมักจะมีปัญหา
ผมขอยกสองตัวอย่าง คือการให้คะแนนเวลาตัดสินการประกวด และการให้คะแนนเวลาประเมินผลพนักงาน
เวลามีการประกวดอะไรก็ตามแต่ คณะกรรมการมักจะกำหนดกฎเกณฑ์ว่าจะให้คะแนนหัวข้อไหนบ้าง เช่นการประกวดหนังสั้น ก็จะให้คะแนนเนื้อหา ความคิดสร้างสรรค์ การแสดง คุณภาพโปรดักชั่น ฯลฯ
แล้วแต่ละหัวข้อก็จะมีน้ำหนักหรือ weight แตกต่างกันไป จากนั้นก็เอาคะแนนมาคูณด้วย weight บวกกันแล้วก็จะได้คะแนนรวมออกมา
ฟังดูก็เมคเซนส์ดี แต่บางทีก็มีปัญหา เพราะสมมติมีงานที่เข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 5 ทีม ก ข ค ง จ และมีคณะกรรมการทั้งหมด 5 คน – A B C D E
และสมมติว่างานที่ได้คะแนนมากที่สุดคืองานของทีม ก และ ทีม ข
งานของทีม ก กรรมการ A, B, C ชอบมาก D เฉยๆ ส่วน E ไม่ชอบเลย
งานของทีม ก ก็จะได้คะแนน 9, 9, 8, 6, 1 = 33 คะแนน
งานของทีม ข กรรมการทุกคนเฉยๆ ยกเว้น E ที่ชอบสุดๆ
งานของทีม ข ก็จะได้คะแนน 6, 6, 6, 6, 10 = 34 คะแนน
กลายเป็นว่างานชิ้นที่ 2 ดันได้คะแนนมากกว่าชิ้นที่ 1 เฉยเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้โดดเด่น และกรรมการส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบงานชิ้นนี้ด้วยซ้ำ
การให้คะแนนด้วยระบบแบบนี้ทำให้กรรมการบางคนมีน้ำหนักกับการตัดสินมากเกินไป
วิธีที่ผมพบว่าเวิร์คกว่ากันเยอะ คือวิธีของพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับหนังเรื่ององค์บาก ที่เคยมาตัดสินโครงการประกวดหนังสั้นโรงหนังประชาชน ที่ผมเคยจัด
พี่ปรัชญาบอกว่า เมื่อถึงรอบสุดท้าย แทนที่จะมานั่งให้คะแนนแล้วคูณตาม weight วิธีที่แฟร์กว่าคือให้กรรมการเรียงลำดับเลยว่า ในบรรดาหนังทั้ง 5 เรื่องชอบเรื่องไหนมากที่สุด ไล่เรียงไปจนถึงหนังที่ชอบน้อยที่สุด แล้วเอาลำดับของกรรมการของทุกคนมารวมกัน ใครได้เลขน้อยที่สุดก็ชนะไป
งานของทีม ก กรรมการ A B C D E ให้ลำดับดังต่อไปนี้ 1 1 2 3 5 = 12
งานของทีม ข กรรมการ A B C D E ให้ลำดับดังต่อไปนี้ 4 4 3 4 1 = 16
ในกรณีนี้เราต้องดูผลรวมที่น้อยกว่า ดังนั้นทีม ก ก็จะชนะไปอย่างสมศักดิ์ศรี
ผมเคยลองเอาวิธีนี้มาใช้กับการจัดการแข่งขันการแสดงที่บริษัทแล้วก็เวิร์คดี เลยอยากจะเอามาถ่ายทอดเอาไว้ เพื่อผู้อ่านจะเอาไปลองใช้ดูบ้าง
เพราะการคิดแบบเดิมที่เอาตัวเลขมาบวกลบคูณหารเป็นคะแนนนั้น มันมีจุดบอดอย่างที่กล่าวมาคือกรรมการบางคนให้คะแนนได้ extreme เกินไปและส่งผลต่อภาพรวมจนเราอาจจะได้ผู้ชนะที่มีผลงานระดับกลางๆ เท่านั้น ซึ่งไม่มีใครเจตนา เพียงแต่ระบบมันออกแบบมาอย่างนี้ ทุกคนก็เลยโดนตัวเลขหลอกกันไปแบบงงๆ ว่า อ้าว ตกลงทีมนี้ชนะเหรอ
พรุ่งนี้จะขอเขียนต่ออีกตอนเรื่องการประเมินผลพนักงาน เพราะหลายที่ก็น่าจะกำลังโดนตัวเลขหลอกอยู่เช่นกันครับ