นิทานเกิดใหม่

20200710

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

ตอนที่เกิดเหตุ เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน

มันเป็นอุบัติเหตุรถชน ไม่มีอะไรรุนแรงเป็นพิเศษ แต่เธอก็เสียชีวิตอยู่ดี เธอมีภรรยาและลูกเล็กสองคน เป็นการตายที่ไม่เจ็บปวด หมอพยายามช่วยเธอเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างของเธอมันแหลกเหลวเสียจนการที่เธอตายเป็นเรื่องที่ดีแล้วล่ะ

แล้วนั่นคือตอนที่เธอมาพบฉัน

“เกิดอะไรขึ้นกับผม?” เธอถาม “ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย?”

“เธอตายแล้ว” ฉันบอกไปตามจริง ไม่มีความจำเป็นต้องระวังคำพูด

“ผมจำได้ว่ารถบรรทุกไถลเข้ามา”

“ใช่”

“แล้วผมก็ตายเหรอ?”

“ใช่ แต่อย่ารู้สึกแย่ไปเลยนะ ใครๆ ก็ตายทั้งนั้น”

เธอมองไปรอบๆ ไม่มีอะไรเลย มีแค่เธอกับฉันเท่านั้น

“ที่นี่คือที่ไหนเหรอ?” เธอถาม “นี่คือชีวิตหลังความตายรึเปล่า?”

“ก็ประมาณนั้น”

“คุณคือพระเจ้าใช่มั้ย?”

“ใช่ ฉันเป็นพระเจ้า”

“ลูกๆ ผม เมียผม…”

“ทำไมเหรอ?”

“พวกเค้าจะเป็นอะไรมั้ย?”

“นั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันอยากได้ยิน” ฉันบอก “เธอเพิ่งจะเสียชีวิตและสิ่งแรกที่เธอเป็นห่วงคือครอบครัวของเธอ นับเป็นสัญญาณที่ดี”

เธอมองฉันด้วยความประหลาดใจ สำหรับเธอแล้วฉันคงดูไม่เหมือนพระเจ้าเท่าไหร่ ฉันดูเหมือนผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง หรืออาจจะเหมือนผู้หญิง เป็นคนในเครื่องแบบซักคน รูปร่างหน้าตาฉันอาจดูเหมือนครูสอนภาษาไทยมากกว่าพระผู้สร้าง

“ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาจะไม่เป็นอะไร ลูกๆ จะจดจำว่าเธอเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง พวกเขาไม่ได้อยู่กับเธอนานพอที่จะรู้สึกไม่ดีกับเธอ ภรรยาของเธอจะร้องไห้ แต่ลึกๆ แล้วเธอคงโล่งใจ เอาจริงๆ ชีวิตสมรสของเธอสองคนก็กระท่อนกระแท่นเต็มทีอยู่แล้ว จะรู้สึกดีขึ้นมั้ยถ้าฉันบอกว่าภรรยาเธอก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองดันโล่งใจกับการตายของเธอ”

“อ่อ” เธอตอบ “แล้วต่อจากนี้จะเป็นยังไงครับ ผมจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกรึเปล่า?”

“ไม่ใช่ทั้งคู่” ฉันตอบ “เธอจะได้ไปเกิดใหม่”

“งั้นความเชื่อของชาวฮินดูก็ถูกต้องน่ะสิ”

“ทุกศาสนาก็ถูกต้องในแบบของมัน” ฉันบอก “เดินมากับฉันสิ”

เธอเดินตามฉันมาบนทางเดินที่ว่างเปล่า “เรากำลังจะไปไหนเหรอครับ?”

“ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก แค่เดินไปคุยไปมันเพลินดี”

“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ” เธอถาม “พอผมลงไปเกิดใหม่ ผมก็ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใช่มั้ย? เป็นแค่เด็กทารกคนหนึ่ง ความทรงจำและประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาของผมก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย” ฉันตอบ “ตัวเธอยังเก็บความรู้และประสบการณ์จากทุกๆ ชีวิตที่เธอเคยผ่านมาเอาไว้ แค่ตอนนี้เธอยังจำมันไม่ได้เท่านั้นเอง”

ฉันหยุดเดินแล้วเอื้อมมือไปโอบไหล่เธอ

“จิตวิญญาณของเธอนั้นยิ่งใหญ่และงดงามเกินกว่าที่เธอจินตนาการมากมายนัก ใจของมนุษย์นั้นเป็นแค่เศษเสี้ยวของตัวตนที่แท้จริงของเธอ เหมือนเอานิ้วจุ่มลงในน้ำเพื่อจะดูว่าน้ำนั้นร้อนหรือเย็น เธอแค่หย่อนส่วนเล็กๆ ของเธอลงไปในภาชนะ และเมื่อเธอดึงมันขึ้นมาเธอก็ได้รับประสบการณ์ทั้งหมดที่ภาชนะนั้นบรรจุเอาไว้”

“เธอเป็นมนุษย์มา 48 ปี เธอเลยอาจจะสนิมขึ้นนิดหน่อยถึงความตระหนักรู้อันยิ่งใหญ่ที่เธอมี ถ้าเธออยู่ที่นี่กับฉันนานพอเธอก็จะเริ่มจดจำทุกอย่างได้ แต่ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำอย่างนั้นในช่วงพักเบรคก่อนที่เธอจะเริ่มชีวิตถัดไป

“แล้วผมเกิดมากี่ชาติแล้ว?”

“หลายชาติมากๆ เลยล่ะ และเป็นชีวิตที่แสนหลากหลายด้วย” ฉันบอก “ชาติที่จะถึงนี้เธอจะลงไปเกิดเป็นเด็กผู้หญิงชาวนาในจีนช่วง 540 ปีก่อนคริสตกาล”

“อะ…อะไรนะครับ?” เธอพูดตะกุกตะกัก “คุณจะส่งผมไปอดีตเหรอ?”

“ถ้าพูดในเชิงเทคนิคก็คงอย่างงั้นแหละ ‘เวลา’ ที่เธอรู้จักนั้นมันมีอยู่จริงแค่ในจักรวาลของเธอเท่านั้น หลายสิ่งหลายอย่างไม่เหมือนกับบ้านเกิดของฉัน”

“บ้านเกิดของคุณงั้นเหรอ?” เธอถาม

“ใช่สิ ฉันมาจากที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ที่นี่ และก็มีอีกหลายคนที่เป็นเหมือนฉัน ฉันรู้ว่าเธอคงอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง แต่บอกตามตรงว่าถึงพูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”

“ว้า…” สีหน้าเธอดูผิดหวังเล็กน้อย “แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเกิดผมไปเกิดได้ในหลายยุคหลายสมัย ก็แสดงว่ามีบางครั้งที่ผมจะได้เจอตัวเองในชาติอื่นด้วยสิ”

“แน่นอน เจอกันตลอดเวลาเลยล่ะ แต่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ตัว”

“แล้วทุกอย่างนี่มันเพื่ออะไรกันแน่ครับ?”

“เอาจริงเหรอ?” ฉันถาม “เธออยากถามฉันจริงๆ เหรอว่าความหมายของชีวิตคืออะไร? มันไม่ดูเชยไปหน่อยเหรอ?”

“ผมว่ามันก็เป็นคำถามที่สมเหตุสมผลอยู่นะครับ” เธอยืนกราน

ฉันสบตาเธอ “ความหมายของชีวิต…เหตุผลที่ฉันสร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้เธอได้เติบโต”

“คุณหมายถึงมนุษยชาติเหรอ? คุณอยากให้พวกเราเติบโตเหรอ?”

“ไม่ใช่หรอก แค่เธอคนเดียว ฉันสร้างจักรวาลนี้สำหรับเธอเท่านั้น ทุกๆ ครั้งที่เธอมีชีวิตใหม่เธอจะเติบโตขึ้นและมีปัญญาที่ลุ่มลึกกว่าเดิม”

“แค่ผมงั้นเหรอ? แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?”

“ไม่มีคนอื่นหรอก จักรวาลนี้มีแค่เธอกับฉันเท่านั้น”

“แต่คนทั้งหมดบนโลก…”

“ทุกคนก็คือเธอไง เป็นการกลับมาเกิดใหม่ของเธอทั้งนั้น”

“เดี๋ยวนะ ผมคือทุกคนเหรอ!?”

“เริ่มจะเก็ทแล้วใช่มั้ยล่ะ” ฉันบอกพลางตบไหล่เธอแสดงความชื่นชม

“ผมเป็นมนุษย์ทุกคนที่เคยเกิดมาเหรอ?”

“และก็เป็นมนุษย์ทุกคนที่จะเกิดจากนี้ไปด้วย”

“ผมเป็นประธานาธิบดีลินคอล์นเหรอ?”

“และเธอก็เป็นคนที่ยิงลินคอล์นด้วย”

“ผมเป็นฮิตเลอร์ด้วย?”

“แล้วก็เป็นคนนับล้านคนที่ฮิตเลอร์ฆ่าด้วย”

“งั้นผมก็เป็นพระเยซูด้วยสิ”

“แล้วก็เป็นทุกคนที่นับถือพระเยซูด้วย”

เธอนิ่งเงียบ

“ทุกครั้งที่เธอทำร้ายใคร เธอก็กำลังทำร้ายตัวเอง ทุกครั้งที่เธอดีกับใคร เธอก็กำลังทำดีกับตัวเอง ทุกความสุขและความทุกข์ที่มนุษย์เคยพบพานและจะต้องพานพบล้วนเป็นประสบการณ์ของเธอทั้งสิ้น”

เธอนิ่งคิดอยู่นาน

“ทำไมล่ะครับ” เธอถาม “ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย?”

“เพราะวันหนึ่งข้างหน้าเธอจะกลายมาเป็นเหมือนฉัน เพราะนั่นคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ เราคือพวกเดียวกัน เธอคือลูกของฉัน”

“โห…” เธอพูดเหมือนจะไม่เชื่อ “แปลว่าผมเป็นพระเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”

“ยังหรอก เธอยังเป็นแค่ตัวอ่อนที่กำลังโตเท่านั้น หลังจากที่เธอได้ใช้ชีวิตของทุกคนจนครบแล้วเธอถึงจะโตพอที่จะไปเกิดได้”

“แสดงว่าจักรวาลทั้งหมดเป็นเพียง…”

“ไข่ฟองหนึ่งเท่านั้น” ฉันตอบ “ถึงเวลาที่เธอต้องลงไปใช้ชีวิตถัดไปแล้วล่ะ”

แล้วฉันก็ส่งเธอไปตามทาง

—–

ขอบคุณนิทานจาก Andy Weir – The Egg