เมื่อเรายังอ่อนด้อย เรามักจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง
ตอนเป็นวัยรุ่นมีความรัก บางคนจะขี้อายจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดคุยกับอีกฝ่าย ส่วนบางคนก็จีบไปเรื่อยราวกับมันคือเกม พอคบกันก็หึงหวงเป็นเจ้าข้าวเข้าของ พอเลิกกันก็จะเป็นจะตายเสียให้ได้
เมื่อเรียนจบทำงานใหม่ๆ บางคนก็ทุ่มเทกับงานเสียจนทุกอย่างในชีวิตรวนไปหมด ส่วนบางคนก็ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามจนมองไม่เห็นความก้าวหน้าในวิชาชีพ
เมื่ออยู่ในวัยที่ควรก่อร่างสร้างตัว บางคนก็มุ่งแสวงหาและสะสมแต่ทรัพย์สินเงินทอง ส่วนบางคนก็ไม่วางแผนเผื่ออนาคตเลย
ความสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่งย่อมนำมาซึ่งความเจ็บปวด และหากเรียนรู้จากความเจ็บปวดเราก็จะค่อยๆ ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ และรู้ว่าจะวางตัววางใจกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตอย่างไร
คนที่ผ่านความรักมาประมาณหนึ่งก็จะเรียนรู้ที่จะรักอย่างเปิดเผย จริงใจ แต่ก็ยังปล่อยวางได้ในคราวเดียวกัน
คนที่ทำงานมาจนเก๋าแล้ว ก็จะรู้ว่าจะทำงานอย่างจริงจังและมีอิมแพ็คอย่างไรโดยที่ตัวเองไม่เครียดจนซึมเศร้าหรือร่างกายพังไปเสียก่อน
ส่วนคนที่มีปัญญาทางการเงิน ก็จะเข้าใจความสำคัญของการวางแผน แต่ก็จะไม่ปล่อยให้การสะสมเงินทองมาเป็นสรณะในการดำเนินชีวิต
การเติบโตจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการค้นพบความพอดีในทุกๆ มิติของชีวิต
หาความพอดีให้เจอ แล้วเราจะได้เป็น “ผู้ใหญ่” อย่างแท้จริงครับ
—–
“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมวางแผงแล้วนะครับ ถ้าช่วงนี้ไม่สะดวกไปร้านหนังสือ ก็ซื้อได้ที่ whatisitpress.com ครับ
ติดตาม Anontawong’s Musings ทาง LINE: https://lin.ee/2VZMu59