
พวกเราส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนดี
เราจึงไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะด่านักการเมืองโกงชาติ ดาราขี้วีน หรืออลัชชีที่หลอกลวงญาติโยม
แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า การที่เราเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดีนั้น เป็นเพราะว่าเราเป็นคนดีจริงๆ หรือเป็นเพราะเราไม่เคยมีโอกาสได้ทำเลวจริงๆ ?
ถ้าวันใดวันหนึ่ง ผมได้จับพลัดจับผลูไปเป็นรัฐมนตรี ผมอาจจะโกงมโหฬารกว่ารัฐมนตรีคนใดในประวัติศาสตร์ก็ได้
หรือถ้าผมได้เป็นคนดังมีชื่อเสียง ผมอาจจะเอาแต่ใจ ไม่แคร์สื่อ หรือใช้มันเพื่อประโยชน์ส่วนตนก็ได้
ในวันที่เราเป็นคนธรรมดา กิเลสในตัวเรามันก็ยังตัวเล็กๆ ที่ยังเหนียมๆ อยู่หลังฉาก นานๆ จะโผล่ขึ้นมาซักที
แต่ในวันที่เรากลายเป็น “คนสำคัญ” กิเลสตัวเดิมที่แฝงอยู่ก็อาจจะเติบโต และไม่เคอะเขินที่จะออกมาแสดงนำหน้าเวที
ถ้าเราไม่อยากเป็นคนสำคัญที่ถูกชาวบ้านด่า เราก็ต้องเป็นคนธรรมดาที่กิเลสบางเบาให้ได้เสียก่อน
ตั้งต้นจากการไม่คิดว่าตัวเองเลอเลิศกว่าคนอื่น
และคอยมองเห็นกิเลสบ่อยๆ เวลาที่มันปรากฎตัว
เช่นเวลาที่เรากำลังคิดดูถูกคนบางคน หรือคิดเปรียบเทียบว่าเราดีกว่าเขาในแง่ใดแง่หนึ่ง
เพราะถ้าสังเกตตัวเองดีๆ จะรู้ว่าเรานั้นคอยเปรียบเทียบและตัดสินคนอื่นตลอดเวลา
ไม่ว่าจะจากเสื้อผ้าที่เขาใส่ รถที่เขาขับ สำเนียงที่เขาพูด และทัศนคติที่เขามี
ไม่ใช่เรื่องผิดบาปที่จะเกิดความรู้สึกเหล่านี้ เพราะเราเคยชินกับมันมานาน
ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่เรามองไม่เห็น “ตัวร้ายในตัวเรา” และหลงคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่นนี่แหละ
ท่านผู้รู้บอกว่า หน้าที่ของเราคือรู้เท่าทันและเห็นตัวร้ายบ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้ เพราะเดี๋ยวมันก็หมดแรงไปเองอยู่แล้ว
แต่ถ้าเราประมาท ไม่เคยเห็นความคิดแย่ๆ ของตัวเองเลย ตัวร้ายในตัวเราก็จะเติบใหญ่และอาจสร้างปัญหามากมายในวันที่เรามีโอกาสได้ทำเลวจริงๆ
ไม่นิ่งนอนใจ และเฝ้าระวังตัวร้ายเสียแต่วันนี้
จะได้ไม่โตไปเป็น “ผู้ใหญ่” ที่เราเองเคยรังเกียจครับ
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

ผมก็ไม่ได้ดีเท่าไร
แค่ถูกสอนให้แสดงออกแต่สิ่งดีๆ
แต่บางทีก็ลืม 555
LikeLike