“คู่ที่เหมาะสม คือคู่ที่คบกันแล้วต่างคนต่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายโชคดี”
– วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
หนังสืออักษรตัวหนา ปรัชญา / การเมือง / เรื่องสั้น
ขณะนี้เป็นเวลาตี่หนึ่งสามสิบสี่นาทีของเช้าวันอาทิตย์ที่สิบสี่กุมภาพันธ์
ผมกำลังนั่งเขียนบล็อกของวันเสาร์ แต่ที่ล่าช้ามาขนาดนี้ก็เพราะว่าวันที่ผ่านมาไม่มีจังหวะเขียนเลย
แฟนตื่นแต่เช้ามานั่งปั๊มนม ส่วนผมออกไปวิ่งจ๊อกกิ้ง กลับมาเราก็กินขนมปังเป็นอาหารเช้า ขนมปังหมดสต๊อคก็เลยพาปรายฝนไปช๊อปปิ้งที่โลตัสหน้าปากซอย กลับมาก็ฝึกโยคะกับคุณครูมือใหม่ ตอนเที่ยงพาคุณครูไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ ก่อนจะแวะไปแบงค์ ขากลับแฟนอยากไปดูต้นไม้ก็เลยขับรถไปแถวอีเกียแต่ก็หลงทางหาร้านไม่เจอ กลับบ้านมือเปล่ามาปั๊มนม ก่อนออกไปคุยธุระเรื่องบ้าน และจากหัวค่ำเป็นต้นมาก็ปลุกปล้ำกับปรายฝนที่โยเยอยู่ร่วมสี่ชั่วโมงจนผลอยหลับกันไปตอนห้าทุ่ม ตื่นมาอีกทีเกือบตีหนึ่งเพื่อจะอาบน้ำแล้วมานั่งเขียนบล็อก
ขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าจอคอมเพื่อคิดว่าจะเขียนอะไรดี แฟนผมที่ตื่นให้หลังและเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จก็มานั่งเก้าอี้ข้างๆ ยกเท้าสองข้างมาวางบนตักผมและขอให้ผมช่วยนวดเท้าให้ นวดเสร็จแล้ว คุณเธอก็เปิดคอมนั่งเล่นเฟซบุ๊ค เดาว่าคงอยากนั่งให้กำลังใจผมหรือไม่ก็กำลังรอให้ตัวเองง่วงอยู่
—–
“คู่ที่เหมาะสม คือคู่ที่คบกันแล้วต่างคนต่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายโชคดี”
ถ้ายึดเอานิยามของคุณวรรณสิงห์ ผมว่าเราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันใช้ได้เลย
เพราะผมรู้สึกมาตลอดว่า ผมโชคดีมากที่เราได้คบและได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
แต่ก่อน ผมมักคิดอะไรเอง ทำอะไรเอง โดยไม่ค่อยปรึกษาใคร
พอมีกันสองคน ผมก็ได้เห็นเลยว่าที่ผ่านมาผมคงพลาดอะไรไปไม่น้อย เพราะไอเดียของแฟนหลายต่อหลายครั้งก็เป็นมุมมองที่ผมคิดไม่ถึง และอาจไม่มีวันคิดได้ด้วย
(ตอนนี้แฟนหันมาถามว่า เขียนใกล้เสร็จรึยัง…ยังใช่มั้ย ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องไป)
แต่ก่อน ผมจะเป็นเสือยิ้มยาก เพราะไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์เท่าไหร่
พอมีกันสองคน ผมกลายเป็นเสือยิ้มง่าย เพราะผู้หญิงคนนี้ทำตัวโก๊ะให้ผมหัวเราะได้ทุกวัน
แต่ก่อน ผมมักจะไปเดินห้างคนเดียว กินข้าวคนเดียว บางทีก็ดูหนังคนเดียว
พอมีกันสองคน เวลาจอดรถในห้างก็มีคนช่วยโบก กินข้าวก็สั่งกับข้าวที่อยากกินได้มากขึ้น ดูหนังจบก็มีคนให้ถกเถียงด้วย
—–
แน่นอน ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบรื่น เพราะทางเดินแห่งชีวิตคู่นั้นมีหลุมมีบ่อเสมอ
ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่ ความแตกต่างเรื่องแนวคิดหรือข้อบกพร่องของแต่ละฝ่ายก็ยิ่งชัดเจน
แต่ผมว่านั่นก็คือความงดงามอย่างหนึ่งของชีวิตคู่
เพราะแตกต่างกัน เราจึงมีทางเลือกมากกว่าเดิม
เพราะมีทั้งข้อดีและข้อบกพร่อง เราจึงส่งเสริมซึ่งกันและกันได้
ถ้าคิดเหมือนกันหมด เก่งเหมือนกันหมด ก็ไม่ต้องมีอีกคนหรอก จริงมั้ย?
—–
(ผมเดินไปแง้มประตูห้องนอน แฟนหลับปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้วตามคาด)
วาเลนไทน์ปีนี้คงจะเป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง
แฟนผมคงจะตื่นมาปั๊มนม ส่วนผมก็ออกไปวิ่ง กลับมากินข้าวเช้า ออกไปชอปปิ้งที่โลตัสหน้าปากซอย กลับมานั่งเขียนบล็อกหรือเล่นโยคะนิดหน่อย ออกไปขับรถหลงทางตามประสา กลับมาปลุกปล้ำกับลูกจนผลอยหลับไป ก่อนจะตื่นมาอาบน้ำและนั่งนวดเท้าให้อีกฝ่าย
แค่คิดก็มีความสุข
เรื่องธรรมดากับคนพิเศษ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้วันนี้เป็นวันดีๆ อีกหนึ่งวัน
ขอบคุณที่ดูแลกันมา
และขอบคุณล่วงหน้า ที่จะดูแลกันไป
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ
—–
ป.ล. ใครที่ยังไม่มีคู่ ก็ไม่ต้องวิตกนะครับ
ทั้งโสดและมีคู่นั้นมันดีพอๆ กัน เพียงแต่ดีคนละอย่าง
ช่วงนี้ก็ใช้ชีวิตของเราให้เต็มที่ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ เพราะถึงวันหนึ่งที่เรามีคู่แล้ว จะได้ไม่รู้สึกว่าเราขาดหรือพลาดอะไรไปครับ
—–
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
—–
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสืออักษรตัวหนา ปรัชญา / การเมือง / เรื่องสั้น โดยวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
Pingback: Passion ไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วมีแต่ความสุข | Anontawong's Musings
การใช้ชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันจริงๆ ครับ ผมเองก็นับว่าเป็นคู่ที่โชคดี ตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า มีหวานๆ บ้างเล็กๆ น้อยๆ
ป.ล. เว้นวรรคประโยคในรูปแปลกๆ ผมอ่านตอนแรกเป็น “คู่ที่เหมาะสม คือคู่ที่คบกันแล้ว” เพราะไม่ได้มองบรรทัดข้างล่าง ความหมายเปลี่ยนเลย ^ ^
LikeLiked by 1 person
ครอบครัวน่ารักดีครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
LikeLike