
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าเราทำงานวันละ 8 ชั่วโมงก็เกินจะเพียงพอแล้ว ถ้าชั่วโมงเหล่านั้นเป็น “ชั่วโมงคุณภาพ”
แต่ถ้าชั่วโมงของคุณไร้คุณภาพ ต่อให้อยู่ออฟฟิศ 12 ชั่วโมงก็อาจจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ดี
เมื่อทำงานอย่างเต็มที่ 8 ชั่วโมง เราสามารถจะเอาเวลาที่เหลือไปใช้สำหรับการชาร์จแบตด้วยการพักผ่อน และทำเรื่องหย่อนใจ
แต่สิ่งที่เรามักจะเจอก็คือ “เวลาของเราถูกปล้น” ซึ่งก็อาจจะเป็นคำที่แรงไปนิด แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เช่นคุณกำลังทำงานอยู่ แล้วเพื่อนร่วมงานเข้ามาถามงาน ตอนแรกคิดว่าจะใช้เวลาแค่สามนาที แต่ไปๆ มาๆ ใช้เวลาไปสามสิบนาที กว่าคุณจะตั้งสติกลับมาทำงานชิ้นเดิมได้ก็ลำบากเอาการ
หรือคุณโดนเชิญไปประชุมที่ไม่เห็นความจำเป็นต้องเข้า คุณก็เลยต้องนั่งทนอยู่ในการประชุมนั้นหนึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่ได้อะไรขึ้นมา
หรือเย็นนี้คุณกะจะไปออกกำลังกายตามปณิธานที่ตั้งไว้ตอนปีใหม่ แต่เพื่อนก็ดันชวนไปกินบุฟเฟ่ต์ลดราคา
หรือคุณตั้งใจจะเขียนบล็อกคืนนี้ แต่กลับถึงบ้านแล้วลูกดันร้องโยเย คุณก็ต้องอุ้มลูกจนถึงเที่ยงคืน กว่าลูกจะสิ้นฤทธิ์คุณก็แทบจะสิ้นใจเช่นกัน
ฝรั่งมีคำพูดว่า If you don’t set your own priorities, someone else will – ถ้าคุณไม่กำหนดว่าอะไรสำคัญในชีวิตคุณ คนอื่นก็จะกำหนดให้คุณเอง
นั่นหมายความว่าชีวิตของคุณจะขึ้นตรงกับความต้องการของคนอื่นอยู่เสมอ
ซึ่งไม่น่าจะดีกับสุขภาพใจและกาย
รวมถึงเป็นการปล่อยให้ความฝันของเราตายไปอย่างช้าๆ ด้วย
ดังนั้น หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถดึงเวลากลับมาได้ คือการทำ Time Blocking ครับ
ปกติเวลาทำงาน เรามักจะใช้โปรแกรมอย่าง Outlook ในการจัดการอีเมล์และการประชุม
Time Blocking ก็คือการ “นัดประชุมกับตัวเราเอง”
เช่นถ้าคุณมีโปรเจ็คสำคัญต้องทำให้จบภายในสัปดาห์นี้ คุณก็บล็อกเวลาสามชั่วโมงแรกของวันตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อจะทำงานชิ้นนี้ และไม่รับ invitation เพื่อไปเข้าการประชุมไหนที่ชนกับช่วงเวลาเหล่านี้
หรือถ้าคุณคิดจะออกกำลังกายสัปดาห์ละสามวันหลังเลิกงาน คุณก็บล็อกเวลาเหล่านั้นเอาไว้ ถ้าเพื่อนมาชวนไปกินบุฟเฟ่ต์คุณก็ต้องปฏิเสธไปเพราะถือว่า “มีนัดแล้ว” หรือไม่อย่างนั้นก็ขอให้เพื่อนเลื่อนไปกินวันที่เราไม่ได้ออกกำลังกายแทน
และถ้าคุณมีไซด์โปรเจ็คที่ทำนอกเวลางานอย่างการเขียนบล็อกหรือริเริ่มขายของออนไลน์ ก็ควรจะสื่อสารให้คนที่บ้านทราบ ว่าช่วงเวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงนี้ จะขอทำงานที่มีความหมายกับคุณ
Time Blocking เป็นเรื่องที่ simple แต่ไม่ easy
อาจจะต้องผ่านความลำบากใจเวลาที่ต้องปฏิเสธเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัว
แต่ในระยะยาวแล้ว ผมเชื่อว่ามันจะส่งผลดีอย่างยิ่งครับ
—–
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
—–
ขอบคุณภาพจาก Pexels.com
Pingback: อย่ายุ่ง | Anontawong's Musings