
วันนี้ปรายฝนอายุครบสองเดือนแล้วครับ!
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการมีลูกคือผมสวดมนต์-นั่งสมาธิน้อยลงไปมาก
จากที่เคยทำเกือบทุกคืน ตอนนี้แทบไม่ได้ทำเลย
หนึ่งเพราะถ้าสวดมนต์เสียงจะดัง อาจจะไปปลุกลูกที่กำลังหลับอยู่
หรือถ้าลูกไม่หลับ เขาก็กำลังร้องไห้อยู่ จะให้ผมมานั่งสวดมนต์ก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะควรต้องไปช่วยอุ้มลูกก่อน
แต่เหตุผลสำคัญกว่าเรื่องเสียงดัง คือกว่าจะได้เข้านอนผมก็แทบไม่มีแรงเหลือให้นั่งสมาธิ-สวดมนต์แล้ว
พูดก็พูดเถอะ แค่จะเขียนบล็อกให้ได้ซักตอนบางทีต้องรอถึงตีหนึ่งตีสอง เขียนไปพิมพ์ผิดไป เขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ดังนั้นพอเขียนบล็อกเสร็จหัวถึงหมอนก็น๊อค สวดมนต์ยังพอได้บ้างแต่นั่งสมาธินี่แทบจะลืมไปได้เลย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ใช่ว่ามีลูกแล้วจะเจริญภาวนาไม่ได้เลย เพราะผมก็ค้นพบหลากหลายวิธีที่เราสามารถภาวนาระหว่างดูแลลูกได้ เลยอยากเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อคุณพ่อคุณแม่ (หรือคนที่กำลังจะเป็น) ท่านใดสนใจจะได้เอาไปประยุกต์ใช้ได้บ้างครับ
1. ดูกาย ลูกผมติดมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (หลายที่ก็บอกว่าให้ติดมือดีกว่าติดเปลนะครับ) ดังนั้นทานนมเสร็จแล้วผมหรือแฟนต้องอุ้มลูกพาเดินไปจนกว่าเขาจะหลับ ผมเองก็เลยอาศัยจังหวะนี้เดินอุ้มลูกไปพร้อมกับการเดินจงกรม คือมีสติคอยรู้ก้าวแต่ละก้าวที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนครับ
2. ดูเวทนา (อ่านว่าเว-ทะ-นะ) หรือคือการดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่ร่างกายและจิตใจ เวลาอุ้มลูกย่อมรู้สึกปวดแขนก็ดูความปวดนั้นไป หรือเวลาอาบน้ำแล้วลูกร้องไห้จ้า ก็ฟังเสียง 100 เดซิเบลของลูกไปด้วยใจเป็นกลาง ไม่ไปให้คุณค่าเสียงร้องไห้ของลูกว่าหนวกหูหรือน่าสงสาร
3. ดูจิต อันนี้จะได้ดูหลายทีเลยทีเดียว ตอนอุ้มลูกเดิน ก็จะเกิดความเมื่อยและความง่วงจนเราอยากจะวางลูกลงเต็มแก่ การรู้ทันความรู้สึกอยากวางลูกลงนี่แหละคือการดูจิต เวลาวางลูกลงแล้วลูกรู้สึกตัวร้องไห้จ้า ใจเราก็จะห่อเหี่ยวทันที เราก็ตามรู้ทันความห่อเหี่ยวของใจนั้นก่อนจะอุ้มลูกขึ้นมาเดินทั่วหัองจนหลับใหม่
พอวางลูกลงเป็นครั้งที่สองดันรู้สึกตัวอีก คราวนี้ใจไม่ห่อเหี่ยวแต่เปลี่ยนเป็นโกรธแทนแล้ว เพราะเมื่อยก็เมื่อย ง่วงก็ง่วง ทำไมไม่ยอมนอนซักทีฮะ! รู้มั้ยว่าพรุ่งนี้พ่อต้องไปทำงาน นี่หน้าก็โทรมจะแย่แล้ว ฯลฯ ความคิดด้านลบทั้งหลายที่ประเดประดังเข้ามาในใจตอนนี้ ถ้าเรารู้ตัวเราว่ากำลังโมโหอยู่ ก็ถือว่าเรากำลังภาวนาด้วยการดูจิตนั่นเอง
ด้วยความที่ช่วงนี้นอนน้อยและไม่ค่อยได้นั่งสมาธิ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเอง “พร่อง” ในด้านนี้ไปไม่ใช่น้อย แต่ก็หวังว่าหลังจากลูกสาวอายุครบสามเดือน-หกเดือนและเริ่มนอนเป็นเวลามากกว่านี้ ผมจะสามารถกลับมาสวดมนต์-นั่งสมาธิได้เหมือนเดิมครับ
—-
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
—–
ภาพจากกล้องมือถือผู้เขียน ถ่ายเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2558