วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ
นิทานเรื่องนี้มาจากหนังสือ “ช้าให้ชนะ” โดยคาซุโอะ อินาโมริ เจ้าของ Kyocera และผู้พลิกฟื้นสายการบิน JAL ครับ หนังสือเล่มนี้แปลโดยคุณโยซุเกะและคุณทสมา วรรธนะภูติ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์นครับ
—–
วันหนึ่งนักเดินทางผู้หนึ่งกำลังฝ่าลมหนาวของปลายฤดูใบไม้ร่วงเพื่อกลับบ้าน ระหว่างเดินอยู่ เขาก็สังเกตเห็นวัตถุสีขาวกระจายอยู่ตามทางเดิน เมื่อก้มล้งดูใกล้ๆ จึงรู้ว่ามันคือเศษกระดูกมนุษย์
ใจหนึ่งเขานึกสงสัยว่าเหตุใดจึงมีกระดูกอยู่ตามทางเช่นนี้ ทั้งแปลกประหลาดและน่าขนลุกสิ้นดี แต่ด้วยความที่กำลังรีบ เขาจึงตัดสินใจเดินทางต่อ แล้วจู่ๆ ก็มีเสือตัวใหญ่ปรากฎขึ้นตรงหน้า มันร้องคำรามด้วยเสียงดังกึกก้อง นักเดินทางตกใจจนก้าวขาไม่ออก ตอนนี้เขารู้แล้วว่ากระดูกพวกนั้นมาจากไหน มันคือเศษซากของเหล่านักเดินทางคนก่อนๆ ที่โดนเจ้าเสื้อตัวนี้ขย้ำตายนั่นเอง
นักเดินทางหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปตามเส้นทางเดิม แต่เขาหลงทางจนมาหยุดอยู่ริมหน้าผา เบื้องล่างเป็นทะเลที่มีคลื่นลมเกรี้ยวกราด พอหันกลับไปมองก็เจอเจ้าเสื้อที่กำลังเดินอาดๆ เข้ามา เขาเดินหน้าต่อไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ได้อีก เขาจึงตัดสินใจปีนขึ้นไปบนต้นสนที่ตั้ังอยู่โดดเดี่ยวริมหน้าผา แต่แล้วเจ้าเสือก็ปีนตามขึ้นมา มันใช้กรงเล็บๆ ยาวๆ น่ากลัวตะปบลงบนเนื้อไม้
พอเห็นอย่างนั้น นักเดินทางก็ตระหนักว่าจุดจบของชีวิตใกล้จะมาถึงแล้ว เขาจึงทำใจยอมรับความตาย แต่ขณะนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นเถาวัลย์ที่ห้องลงมาจากกิ่งไม้ตรงหน้า เขาจึงฉวยเอาไว้แล้วใช้มันไต่ลงมาจากหน้าผา แต่เถาวัลย์ยาวไม่พอจะพาเขาลงไปถึงพื้น เขาจึงห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเจ้าเสือจ้องเขม็งลงมาและแลบลิ้นเลียริมฝีปาก พอมองลงไปด้านล่างก็เห็นมังกรทะเลสีแดง สีดำ และสีน้ำเงินแหวกว่ายอยู่ ทั้งสามตัวกำลังรอให้อาหารอันโอชะอย่างเขาตกลงไป ที่แย่ไปกว่านั้น เขายังได้ยินเสียงกัดแทะที่เถาวัลย์ เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นหนูสีดำกับสีขาวผลัดกันแทะเถาวัลย์ที่เขาเกาะอยู่ หากหนูสองตัวนี้ยังแทะต่อไปเรื่อยๆ เถาวัลย์คงจะขาดและส่งเขาเข้าปากมังกรที่รออยู่เบื้องล่างเป็นแน่
เมื่ออับจนหนทาง นักเดินทางจึงกระตุกเถาวัลย์ไล่หนู แต่จู่ๆ ก็มีของเหลวหยดหนึ่งตกลงมาบนแก้มของเขา มันคือน้ำผึ้งนั่นเอง ตรงรากของเถาวัลย์มีรังผึ้งอยู่ น้ำผึ้งจึงหยดลงมาเข้าปากเขาทุกครั้งที่กระตุกเถาวัลย์ นักเดินทางที่เคลิบกับความหวานของน้ำผึ้งจึงลืมอันตรายที่กำลังเผชิญอยู่ เขาลืมไปว่าตัวเองกำลังหนีเสือปะมังกรและมีหนูกำลังกัดแทะสิ่งเดียวที่ช่วยให้เขารอดชีวิต
ในหัวเขาคิดแต่เพียงว่าต้องกระตุกเถาวัลย์เพื่อให้ได้น้ำผึ้งมากิน
—–
คุณอินาโมริ ผู้เขียนหนังสือบอกว่า นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่พระพุทธองค์*ได้ทรงเล่าไว้
สัตว์และสิ่งของในเรื่องเป็นสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง
เสือคือความเจ็บป่วยและความตาย
ต้นสนคือสถานะ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง และเกียรติยศ
เถาวัลย์คืออายุขัยของคนเรา**
หนูสีขาวกับหนูสีดำ คือกลางวันและกลางคืนที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน
มังกรน้ำเงิน แดง และ ดำ คือ โลภ โกรธ หลง***
และน้ำผึ้ง ก็คือความปราถนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ความร่ำรวย เซ็กส์ ชื่อเสียง และการนอนหลับ**
—–
ชีวิตของนักเดินทางแขวนอยู่บนเถาวัลย์ที่เปราะบางและพร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ
แต่แทนที่นักเดินทางคนนี้จะคิดค้นหาวิธีรอด เขามัวแต่เพลิดเพลินกับน้ำผึ้งที่หยดมาให้กินทีละหยดสองหยด กินอย่างไรก็ไม่อิ่ม และไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาซักนิด
แล้วเรา…กำลังทำตัวเหมือนนักเดินทางคนนี้รึเปล่า?
—–
* สำหรับคนไทยที่เป็นพุทธเถรวาท อาจจะรู้สึกแปลกๆ ที่พระพุทธเจ้าจะพูดถึงมังกร แต่นี่เป็นนิทานที่คนญี่ปุ่นเอามาเล่า ผมจึงเดาว่าอาจมาจากฝั่งของพุทธมหายาน
** ความหมายของเถาวัลย์และน้ำผึ้ง ผมเอามาจากบล็อก ure Land Buddha: The Reality of Mankind — The Parable
*** ในหนังสือ บอกว่ามังกรสีดำคือความอิจฉาริษยา แต่ผมขอเปลี่ยนเป็นความหลง (โมหะ) เพื่อให้สอดคล้องกับกิเลสสามตัวที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี
—–
ขอบคุณนิทานจากหนังสือ ช้าให้ชนะ โดย คาซุโอะ อินาโมริ สำนักพิมพ์วีเลิร์น
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก Pure Land Buddha: The Reality of Mankind — The Parable
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”