“..แต่ละคนสะสมมานานไม่ใช่น้อยๆ นะ
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ที่จะมาฟังธรรม
ขนาดนี้ เหลืออยู่นิดเดียวเอง ปฏิบัติธรรม
ให้สมควรแก่ธรรมเท่านั้นเอง เหลือแต่..
ทำเอาเอง มีสติรู้กายรู้ใจไป
อย่าคิดมากนะ แล้วก็อย่าไปเพ่งเอา
คิดมากฟุ้งซ่าน กับเพ่งมากแล้วก็นิ่ง
เกินไป มันจะช้า รู้ซื่อๆ ไป
พวกเราถ้าเทียบเป็นไม้บรรทัดนะ
เราเดินมาถึงนิ้วที่ ๑๑ แล้ว
เมื่อไรมันจะได้ครบ ๑๒ นิ้ว ก็ไม่รู้…”
– หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช
—–
วันนี้วันพระ
เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ วันที่ตื่นมาตอนเช้าแล้วได้นั่งสมาธิ
พอนั่งสมาธิเสร็จ แฟนที่เพิ่งแชร์บล็อกเรื่องมาริโอของผมเมื่อคืนเสร็จก็บอกว่า สิงห์ Sqweez Animal เสียแล้วนะ
ผมใจหายแว้บเลย
เพราะเพิ่งเดินสวนกับเขาที่งานหมั้นของเพื่อนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง
คุณสิงห์ เป็นลูกชายของคุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ซึ่งผมรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ
ผมไม่ได้รู้จักกับคุณสิงห์เป็นการส่วนตัว รู้แต่เพียงว่าน้องๆ ในวงดนตรีที่บริษัท (กิ่ง ส้ม ปิ๊ก) ก็กรี๊ดกันอยู่พอดู และผมเองก็เคยรับหน้าที่ร้องเพลงคำบางคำ ตอนที่วงของเราเล่นเพลงนี้ด้วย
—–
เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเช้าระหว่างขับรถไปทำงาน ผมมักจะฟัง CD หลวงพ่อปราโมทย์
หลวงพ่อปราโมทย์เคยเป็นฆราวาสอยู่ถึง 48 ปีก่อนจะได้บวช ท่านจึงรู้เรื่องทางโลกเป็นอย่างดี ทำให้การฟังธรรมของหลวงพ่อเพลิดเพลินและเข้าใจง่าย เข้าถึงคนกรุงและคนรุ่นใหม่ได้ไม่ยาก
อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ท่านดังขึ้นมา ก็คือความสามารถในการอ่านวาระจิตของคนที่ท่านสนทนาอยู่ได้
ไม่ใช่อ่านว่าคิดอะไรอยู่นะครับ แต่อ่านว่าตอนนี้จิตเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่ ตอนนี้จิตกำลังตั้งมั่นอยู่ ฯลฯ
แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดน่าจะทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดัง ก็คือการทำให้คนจำนวนมากหันมาสนใจเรื่องการภาวนาในชีวิตประจำวัน
เพราะมันง่ายกว่าที่คิดจริงๆ
เมื่อคืนอ่านเจอคำสอนของท่านก็เกิดมีกำลังใจขึ้นมา
“”แต่ละคนสะสมมานานไม่ใช่น้อยๆ นะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ที่จะมาฟังธรรม ขนาดนี้ เหลืออยู่นิดเดียวเอง”
ถ้าภพภูมิมีจริง และการที่เราเวียนวนเกิดมานับชาติไม่ถ้วนเป็นเรื่องจริง การได้มาเกิดเป็นมนุษย์ก็ถือว่าเรา “มาได้ไกลมาก” อย่างที่หลวงพ่อว่าจริงๆ นั่นแหละ
“พวกเราถ้าเทียบเป็นไม้บรรทัดนะ เราเดินมาถึงนิ้วที่ ๑๑ แล้ว เมื่อไรมันจะได้ครบ ๑๒ นิ้ว ก็ไม่รู้”
ประโยคนี้ทำให้คิดได้ว่า เราอาจจะมาถึงใกล้เป้าหมายมากกว่าที่เราคิดไว้
คำถามคือ เราจะใช้โอกาสอันมีค่านี้เพื่อที่จะเดินไปถึงนิ้วที่ 12 หรือจะเดินถอยหลัง?
—–
เค้าบอกว่ายุคนี้คือยุคที่กรรมติดจรวด
ใครทำอะไรไม่ดีไว้ กรรมจะตามทันโดยที่ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า
แต่บางที กรรมดีก็อาจติดจรวดได้เหมือนกัน
ถ้าเป็นสมัยก่อน หลวงพ่อเทศน์ คนที่ได้ฟังก็คงมีไม่กี่สิบกี่ร้อยคน
แต่การมาของอินเตอร์เน็ต ทำให้เราสามารถดาวน์โหลดธรรมะบรรยายของหลวงพ่อจากที่ไหนก็ได้ในโลก และทำให้มีคนได้ฟังธรรมเป็นพัน เป็นหมื่น หรืออาจเป็นแสนคน
เทคโนโลยีทำให้ผลของกรรมดีและกรรมชั่วของเราทบเท่าทวีคูณได้
ถ้าเราอยู่นิ้วที่ 11 กันจริงๆ ก็ไม่มียุคไหนที่จะง่ายสู่การเดินไปสู่นิ้วที่ 12 เท่ายุคนี้อีกแล้ว เพราะเพียงแค่กระดิกนิ้วไม่กี่ที เราก็ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว
ในทางกลับกัน ก็ไม่มียุคไหนที่จะเดินถอยหลังกลับไปสู่นิ้วที่ 1 ได้เท่ายุคนี้อีกแล้วเช่นกัน เพราะวัฒนธรรมการเสพติดมือถือและแทบเบล็ต ทำให้เราตกอยู่ใน “ความหลง” ได้มากกว่ายุคใดๆ ที่ผ่านมา
เมื่อหลงก็ไม่มีสติ เมื่อไม่มีสติ ก็ยากที่จะไปสู่สุคติ
ถ้าใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดมันก็จะพาเราไปสู่นิ้วที่ 12 ได้ในอนาคตอันไม่ไกลเกินไปนัก
แต่ถ้าใช้มันเพียงเพื่อเสพเรื่องราวนอกตัว เรียกร้องความสนใจ ลุ้นยอดไลค์ เราก็คงเป็นแค่ไก่ที่ได้พลอย
การจากไปของสิงห์ Sqweez Animal ช่วยย้ำเตือนสติอีกครั้งว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
วันนี้ วันพระ เรามาใช้เวลาและชีวิตให้เป็นประโยชน์กันนะครับ
—
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com
ขอบคุณข้อมูลจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช | Facebook Group , วิมุตติ, Spring News
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

