ติดเบรค

20150722_Brake

ที่บริษัทมีน้องคนนึงชื่อทอม (หรือบางทีก็เรียกว่าทอมมี่) เป็นโปรแกรมเมอร์แต่ผมกับน้องรู้จักกันเพราะเล่นอยู่ในวงดนตรีเดียวกัน

ทอมขี่จักรยานมาทำงานทุกเช้า ระยะทางจากบ้านถึงออฟฟิศประมาณ 5 กิโลเมตร ต้องผ่านถนนสาทรและซอยสวนพลูซึ่งมีปริมาณรถค่อนข้างหนาแน่น

แน่นอน ทอมใส่หมวกกันน็อคและติดไฟไว้ท้ายรถ เพราะเรื่องพวกนี้ไม่เข้าใครออกใคร

มีวันหนึ่งผมกำลังเดินออกจากตึก ก็เจอทอมขี่จักรยานออกมาพอดี ผมบอกทอมว่าผมขี่จักรยานปันปั่นไปหาแฟน

ทอมบอกว่า เช็คเบรคดีๆ นะพี่ มีหลายคันที่เบรคไม่ค่อยดี

ขออธิบายก่อนว่าแต่ละสถานีปันปั่น จะมีแท่นจักรยานอยู่ 8 แท่น และประมาณครึ่งหนึ่งจะมีจักรยานจอดล็อคคออยู่กับแท่น แต่ละคันหน้าตาเหมือนกันหมด

เวลาผมเลือกว่าจะเอาจักรยานคันไหน ก็จะมองแค่ว่าคันไหนอานไม่สูง-ไม่เตี้ยเกินไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาปรับอาน

แต่ผมไม่เคยเช็คเบรคจักรยานก่อนเลย เหตุหนึ่งอาจเพราะว่ามันยุ่งยากเนื่องจากต้องเอาจักรยานออกมาลองวิ่งดูก่อนถึงจะรู้ว่าเบรคทำงานหรือไม่ แต่ถ้ารู้ว่ามันทำงานไม่ค่อยดี ผมก็มักจะเลยตามเลย ถือว่าขับช้าแล้วค่อยเอาขาช่วยเบรค

ซึ่งจริงๆ แล้วก็ประมาทไปหน่อย

ถ้ามองส่วนประกอบต่างๆ ในจักรยาน ไม่ว่าจะเป็นแฮนด์ กระดิ่ง อาน บันได โซ่ หรือล้อ จะเห็นได้ว่าถ้ามันทำงานผิดพลาดขึ้นมาก็ยังไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่

แต่ถ้าเบรคไม่ทำงานนี่เราอาจบาดเจ็บถึงตายได้

ผมว่าคนเราก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

ตั้งแต่เราเด็กมาจนถึงวันนี้ เราได้ทำการ “แต่งรถจักรยาน” มาตลอด

ด้วยการเรียนโรงเรียนชื่อดัง กวดวิชา สอบติดมหาลัยรัฐ ทำงานบริษัทอินเตอร์ เรียนต่อป.โท สร้าง connection และอื่นๆ อีกมากมาย

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ช่วยให้รถจักรยานของเรา “แรง” และพุ่งทยานไปข้างหน้า

แต่พอถึงเวลาที่จักรยานชีวิตของเราวิ่งเร็วเกินไป หรือกำลังจะชนกับสิ่งกีดขวาง เรากลับไม่มีเบรคที่จะช่วยเซฟเราได้เลย

ใจไม่มีเบรคสามารถนำปัญหามาให้เราได้มากมาย เช่น

  • กินเยอะจนอ้วน
  • ลงทุนเสี่ยงเกินไปจนเจ๊ง
  • พูดเยอะเกินไปจนผิดใจกับเพื่อน
  • คิดมากเกินไปจนอยากทำร้ายตัวเอง

การปั่นจักรยานหรือขับรถยนต์ที่เบรคแตกมันน่ากลัวเท่าไร การใช้ชีวิตโดยไม่มีเบรคใจก็น่ากลัวพอๆ กัน

แล้วเราจะติดเบรคทางใจได้อย่างไร?

สิ่งหนึ่งที่น่าจะช่วยได้คือการฝึกสติ หรือความรู้ตัว

เมื่อใดเราคิด เมื่อนั้นขาดสติ

เมื่อใดเรามีสติ รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อนั้นเราจะหยุดคิด โดยอัตโนมัติ

เราใช้เวลาไปค่อนชีวิตเพื่ออัพเกรดตัวถัง แฮนด์ ล้อ และบันได มาแล้ว

ถึงเวลาอัพเกรดเบรคจักรยานบ้างแล้วนะครับ

เพราะเมื่อถึงคราววิกฤติ มันจะช่วยชีวิตเราได้

ขอบคุณปันปั่น

20150708_PunPun

เกือบทุกเช้าผมจะขับรถไปส่งแฟนที่ตึกเอ็มไพร์ แยกนราธิวาส-สาทร จอดรถที่ตึกนี้ แล้วจึงค่อยปั่นจักรยานของปันปั่นกลับมาที่ออฟฟิศที่พระราม 4

จักรยานปันปั่นคืออะไร?

มันคือโครงการของกทม.ที่ได้ติดตั้ง “สถานีจักรยาน” เอาไว้หลายจุดด้วยกัน โดยเฉพาะเส้นสาทร วิทยุ สีลม พญาไท และสุขุมวิท โดยหลังจากเราสมัครสมาชิกแล้ว เราสามารถยืมจักรยานจากสถานีหนึ่ง แล้วไปคืนที่สถานีหนึ่งได้เลย ถ้าขี่นานไม่เกิน 15 นาทีก็ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ถ้านานกว่านั้นก็คิดชั่วโมงละ 10 บาท โดยเราสามารถเติมเงินลงบัตรได้ที่ทุกสถานี

ก่อนจะมีจักรยานปันปั่น ผมต้องเดินจากตึกเอ็มไพร์ไปตึกอื้อจื่อเหลียง ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง หรือถ้านั่งมอเตอร์ไซค์ก็เสียตังค์ 40 บาท หากสัปดาห์หนึ่งใช้มอเตอร์ไซค์ซัก 3 ครั้ง ปีหนึ่งก็ใช้เงินร่วมหกพันแล้ว

พอมีปันปั่น ชีวิตก็ดีขึ้น ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็ถึงออฟฟิศ แถมยังไม่ต้องเสียเงินเลยซักบาท

ผมคิดจะเขียนบทความนี้ เนื่องจากสะกิดใจบล็อกตัวเองเมื่อวันก่อนเรื่อง 9 สาเหตุที่ลูกน้องเบื่อเจ้านาย 

โดยสาเหตุที่ทำให้ลูกน้องไม่พอใจเจ้านายบ่อยที่สุด ก็คือการไม่เห็นคุณค่าในงานที่ลูกน้องทำออกมา (Not recognizing employee achievements)

ผมว่าเราๆ ท่านๆ ก็เห็นคุณค่าของ “งานสาธารณะ” ที่คนอื่นทำให้เราน้อยไปหน่อยเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเป็นคนเก็บขยะที่แวะเวียนมาบ้านเราสัปดาห์ละสามหน

หรือพนักงานการไฟฟ้าที่ต้อง “ลงสนาม” เพราะหม้อแปลงระเบิดและไฟดับไปทั่วหมู่บ้าน (ผมไม่แน่ใจว่างานเค้าเสี่ยงชีวิตแค่ไหนเหมือนกัน เพราะบางทีฝนยังตกหนักอยู่แต่ไฟก็กลับมาแล้ว)

หรือพนักงานการรถไฟที่ต้องคอยกั้นรถยนต์เวลารถไฟมา

ลองคิดภาพว่าถ้าไม่มีคนเหล่านี้ หรือมีแต่พวกเขาบกพร่องต่อหน้าที่ ชีวิตของเราจะเดือดร้อนแค่ไหน

แต่เรากลับไม่เคยพูดขอบคุณคนเหล่านี้เลย แม้กระทั่งในใจ

อาจจะเพราะว่าเราไม่เห็นเขา หรืออาจจะเพราะว่าเราคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาก็ต้องทำอยู่แล้ว

แต่เวลาเราทำงานของเรา แล้วหัวหน้าหรือใครก็แล้วแต่มาชมเรา เราก็ชื่นใจไม่ใช่เหรอ?

ผมว่าคนที่ทำงานสาธารณะก็ควรมีโอกาสได้ชื่นใจด้วยเหมือนกัน

กลับมาที่เรื่องปันปั่นต่อ

ผมอยากจะเขียนว่าแนะนำโครงการนี้สำหรับคนที่ยังไม่เคยลอง เผื่อใครจะอยากคิดใช้งานดูบ้างครับ

  1. เข้าไปดูก่อนว่ามีสถานีปันปั่นอยู่ที่ไหนบ้าง จะได้รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ใช้รึเปล่า
  2. สมัครสมาชิกโดยดูขั้นตอนได้ที่นี่ 
  3. เมื่อได้บัตรมาแล้วก็ไปใช้ได้เลย!

นี่คือหน้าตาของสถานี

????

มีแผนที่ให้เราดูว่าสถานีมีที่ไหนบ้าง

????

เครื่องยืมจักรยานและเติมเงิน

????

เมื่อกดเลือกแล้ว ให้เอาบัตรแตะตรงพื้นที่สีขาวใต้จอ

ใส่รหัสประจำตัวสี่หลัก (คล้ายๆ PIN ของบัตร ATM)

????

เลือกจักรยาน

????

เอาบัตรแตะไปที่ช่องสีแดงเพื่อให้แท่นปลดล็อคจักรยาน

????

อย่าลืมเช็คเบรค กริ่ง และอานจักรยานให้เรียบร้อย

????

พอปั่นถึงที่หมายแล้ว ก็แค่เสียบจักรยานเข้าแท่นได้เลย แต่ว่าต้องออกแรงนิดนึง เพื่อให้จักรยานเข้าไปจนสุดจนแท่นมันล็อคหัวจักรยานครับ เสียบเข้าไปแล้วลองดึงจักรยานดูก็ได้ว่ามันล็อกเรียบร้อยรึยัง จากนั้นก็เดินจากมาได้เลย

ผมใช้จักรยานปันปั่นมาร่วมปี จึงขอสรุปสิ่งที่ประทับใจและข้อปรับปรุงไว้ตรงนี้ด้วยแล้วกันนะครับ

สิ่งที่ประทับใจ

  • ใช้งานง่าย
  • มีสถานีค่อนข้างถี่ ทำให้ถ้าจักรยานหมดก็สามารถเดินไปเอาอีกสถานีนึงได้
  • ฟรี! (ถ้าขี่ไม่เกิน 15 นาที)
  • Call Center: 087 029 8888 บริการดีมาก โทร.ไปไม่เกินห้าตู๊ดก็รับสาย เจ้าหน้าที่พูดจาสุภาพ และขอบคุณเราทุกครั้งที่โทร.ไปแจ้งปัญหา
  • แอดมินเพจ PUN PUN  ก็ช่วยเหลือดีมากเช่นกัน

สิ่งที่ปรับปรุงได้

  • อยากให้หมั่นตรวจเช็คเบรค เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ตอนนี้ที่เจอคือใช้ได้แต่เบรคหน้า ส่วนเบรคหลังสึกหมดแล้ว
  • บางคันเบรคอาจยังดีอยู่ แต่ยังมีปัญหาเบรคแล้วเสียงจี๊ดแสบหู จนเราไม่กล้าใช้เบรค
  • ระบบยังล่มประมาณเดือนละสองสามครั้ง ถ้าเสถียรกว่านี้ได้จะแจ่มมาก
  • แท่นจักรยานบางแท่น มีจักรยานจอดอยู่ แต่มันไม่ขึ้นโชว์ให้เราเลือก
  • แท่นจักรยานบางแท่น มีจักรยานจอดอยู่ แต่ดึงจักรยานออกไม่ได้ เหมือนแท่นมันล็อคค้างไว้
  • หน้า Login ของสมาชิก ควรจะมีปุ่ม “Forgot password?” เพื่อให้เราสามารถรีเซ็ตพาสเวิร์ดได้
  • ควรจะมี feature ให้เราเปลี่ยนพาสเวิร์ดเองได้ด้วยครับ (ตอนนี้ต้องติดต่อไปที่ทางเพจ PUN PUN อย่างเดียวเลย)

ผมบอกเรื่องที่จะปรับปรุงมาเยอะกว่าข้อดี แต่จริงๆ แล้วผมพอใจกับจักรยานปันปั่นมากนะครับ ให้คะแนน 8 เต็ม 10 เลย

สุดท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณกทม. และทีมงานจักรยานปันปั่นทุกๆ คน ที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผมรวมถึงอีกหลายร้อยคนในกรุงเทพดีขึ้นครับ

– จากใจแฟนคลับปันปั่นคนหนึ่ง

—–

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ Archives

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings