เมื่อเวลาผ่านไป เราจะรู้ว่าอะไรสำคัญ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพาครอบครัวไปเที่ยวจันทบุรีกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอีกสามคนที่รู้จักกันมา 1 ใน 4 ศตวรรษ

เราเช่าบ้านพูลวิลล่าติดทะเล เด็กๆ ทั้ง 8 คนจาก 4 ครอบครัวเลยสนุกสนานกันยกใหญ่

จันทบุรีเป็นเมืองแห่งฝน สองคืนที่เราพักกันที่นั่นฝนน่าจะตกไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง

โต๊ะอาหารและครัวอยู่ในโซน open air ที่เป็นช่องลม ฝนตกโปรยปราย อากาศเย็นสบาย มีเครื่องดื่มและขนมพร้อมสรรพ เรานั่งคุยเรื่องราวแต่ก่อนเก่า นั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงยุค 90 กันยาวนานหลายชั่วโมง ปล่อยให้ลูกๆ และภรรยาเข้านอน แต่เรายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วง

ถึงตี 2 ก็ลงไปว่ายน้ำท่ามกลางสายฝน มีวิวทะเลสีดำเวิ้งว้างว่างเปล่าอยู่เบื้องหน้า พอขึ้นจากสระก็ทำมาม่าเกาหลีกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

เป็นช่วงเวลาที่ดีและน่าจดจำ


ตอนที่นั่งคุยเรื่องสมัยเรียนปริญญาตรี เราคุยกันเรื่องรับน้อง เรื่องชีวิตในหอพัก เรื่องอุบัติเหตุรถคว่ำ เรื่องเล่นกีฬา เรื่องโดดฝึกงาน เรื่องอาจารย์บางท่าน และเรื่องทำผิดกฎระเบียบ

น่าสนใจที่เราแทบไม่ได้คุยถึงเรื่องในห้องเรียนเลย

สิ่งที่ควรจะมี “สาระ” ที่สุด กลับเป็นสิ่งที่เราคิดถึงน้อยที่สุด ส่วนเรื่องที่เราคิดถึงมากที่สุด สร้างเสียงหัวเราะได้มากที่สุด คือเรื่องที่เราทำตัวไม่ค่อยมีสาระ

หรือจริงๆ แล้วเรื่องที่เราคิดว่าไม่มีสาระนี่แหละคือสาระที่แท้ของชีวิต?


ว่ากันว่าเวลาคือตัวกรองที่ทรงพลังที่สุด – Time is the greatest filter.

Paulo Coelho ผู้เขียน The Alchemist จึงบอกว่า เวลาพบเจอหรืออ่านเจออะไร ไม่จำเป็นต้องไปจดบันทึกให้มากมาย เพราะอะไรที่สำคัญจะยังคงอยู่ ส่วนอะไรที่ไม่สำคัญจะจางหายไปเอง

ลองมองย้อนกลับไปในชีวิตเรา คำพูดของคนบางคน เช่นพ่อแม่ เพื่อนฝูง หรือครูบาอาจารย์ ตอนที่เราได้ยินเขาพูดเป็นครั้งแรก เราอาจไม่ได้รู้สึกว่ามันสลักสำคัญ เผลอๆ อาจรู้สึกต่อต้านด้วยซ้ำ

แต่พอเวลาผ่านมาหลายปี ก็น่าแปลกใจว่าทำไมเรายังจดจำคำนี้ได้อยู่ อาจเพราะว่ามันมีความจริงบางอย่าง หรืออาจเป็นเพราะว่ามันทำให้เราระลึกถึงช่วงเวลานั้นหรือคนคนนั้นได้ดีเป็นพิเศษ

เรื่องที่เราไม่เคยคิดว่าเป็นสาระ เช่นท่าเดิน อากัปกิริยาตอนกินข้าว น้ำเสียงเวลาบ่นหรือพร่ำสอน หรือแม้กระทั่งเสียงนอนกรน รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้เรากลับจดจำมันได้ เพราะมันคือเอกลักษณ์และตัวตนของคนที่เรารักและระลึกถึง


เมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว Sylvester Stallone เคยเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดที่โด่งดังระดับโลกจากหนังนักมวยอย่าง Rocky และหนังนักรบเดนตายอย่าง Rambo

ในปี 2018 สตอลโลนในวัยเจ็ดสิบปีได้มาปรากฎตัวในซีรี่ส์ This Is Us ซีซั่น 2 โดยเล่นเป็น “ตัวเอง” ที่มาร่วมแสดงในฉากการต่อสู้ของหนังเรื่องหนึ่ง

พระเอกหนุ่มในตอนนี้ชื่อเควิน ซึ่งชื่นชอบสตอลโลนมานาน เพราะสมัยเด็กๆ พ่อจะชวนเควินและน้องสาวดูหนังเรื่อง Rocky ด้วยกันบ่อยๆ แต่พ่อของเควินจากไปตั้งแต่ตอนเขายังเป็นเด็กนักเรียน

นี่คือบทสนทนาที่สตอลโลนคุยกับเควินในกองถ่าย

เควิน: น้องสาวผมไม่ได้ขอลายเซ็นคุณใช่มั้ยครับ รู้มั้ยครับว่าผมต้องขอน้องว่าอย่าเอาตุ๊กตาแรมโบ้มาจากบ้าน

สตอลโลน: เธอก็แค่ฮัมเพลงให้ผมฟังนะ และเธอก็พูดถึงพ่อของคุณนิดหน่อยด้วย พ่อคุณจะต้องภูมิใจมากแน่ๆ ถ้าได้มาเห็นคุณตอนนี้

เควิน: มีคนเคยบอกผมอย่างนั้นเหมือนกัน

สตอลโลน: การเติบโตมาโดยไม่มีเขาอยู่ด้วยคงเป็นเรื่องลำบากน่าดู จริงมั้ย?

เควิน: สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่นานมาแล้วน่ะครับ ก็เลย…

สตอลโลน: บางทีเวลามันก็เล่นตลกกับเรานะ เพียงน้องสาวของคุณฮัมเพลงในหนังร็อคกี้แค่ท่อนเดียว ผมก็ได้กลิ่นเวทีมวยขึ้นมาแว้บนึงเลย

และน้องสาวคุณก็ยังเล่าด้วยว่าตอนเด็กๆ พวกคุณดูหนังของผมหลายเรื่อง ซึ่งมันก็ทำให้ผมนึกถึงลูกๆ ของผมในวัยนั้นเหมือนกัน ทั้งผมยุ่งๆ ทั้งชุดนอนลายเดียวกัน ทั้งอะไรต่อมิอะไร ผมเห็นภาพเหล่านั้นชัดเจนมากจนแทบจะยื่นมือออกไปสัมผัสมันได้เลย

จากประสบการณ์ของผมนะเควิน มันไม่มีหรอกสิ่งที่เรียกว่า “นานมาแล้ว” มีแค่ความทรงจำที่มีความหมาย กับความทรงจำที่ไม่มีความหมายเท่านั้น

“There’s no such thing as a long time ago. There’s only memories that mean something, and memories that don’t.”


ความทรงจำบางอย่าง เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทั้งที่เวลาผ่านมาเนิ่นนาน

เรื่องที่เราเคยคิดว่ามีสาระ เรื่องที่เราเคยจะเป็นจะตาย สุดท้ายอาจจะไม่ใช่ความทรงจำที่มีความหมายมากนัก

ส่วนเรื่องที่เราคิดว่าไม่ได้มีสาระแก่นสารอันใด อาจจะกลายเป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุดก็ได้ เพียงแต่วันนี้เราอาจจะยังมองข้าม เพราะมันอยู่ใกล้ตัวและแสนจะเป็นเรื่องธรรมดา

คงต้องรอให้เวลาผ่านพ้นไป เราถึงจะรู้ว่าอะไรสำคัญครับ