ในโลกที่ผกผัน เราจะใช้อะไรนำทางชีวิต?

ผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ท่านหนึ่งเคยบอกผมว่า ทำธุรกิจสมัยนี้ยากกว่าสมัยก่อน แต่ก่อนยังวางแผนเป็นรายปีได้ แต่สมัยนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงทุกเดือน หรือแม้กระทั่งทุกสัปดาห์ ทำให้เราต้องพร้อมปรับตัวและปรับความคาดหวังกันตลอดเวลา

ในหนังสือ Aladdin & Luddite บอกเอาไว้ว่า ความเสี่ยงนั้นมีตั้งแต่ระดับแรดเทา (ความเสี่ยงที่เราเห็นได้แต่ไกลและจัดการได้) ระดับหงส์ดำ (ความเสี่ยงที่เราคาดไม่ถึงและส่งผลรุนแรง) และระดับมังกรราชัน (ความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบกว้างไกลและยาวนาน)

ความเสี่ยงระดับมังกรราชันที่ผมมองเห็นอยู่ตอนนี้ ก็คือเรื่องสงคราม เรื่องสภาพภูมิอากาศ และเรื่องเอไอ

เรื่องสงคราม นอกจากที่ยูเครนและอิสราเอลแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือไต้หวัน เพราะจีนและอเมริกาฮึ่มๆ กันมาพักใหญ่ ไต้หวันเป็นมหานครแห่งชิปประมวลผล (semiconductor chips) ซึ่งอยู่ในสิ่งที่เราขาดไม่ได้อย่างมือถือและแล็ปท็อป รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย

กลุ่มทรงอิทธิพลอย่าง OPEC ที่มี 13 ประเทศสมาชิก ครองส่วนแบ่ง 38% ของตลาดน้ำมันดิบโลก

แต่บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เพียงบริษัทเดียวมีส่วนแบ่งตลาดโลกของชิปถึง 55% ดังนั้นไต้หวันจึงมีความสำคัญมากในเชิงภูมิรัฐศาสตร์โลก (geopolitics) และหากมีกรณีพิพาทกันระหว่างจีนกับอเมริกาเรื่องไต้หวัน ย่อมส่งผลต่อ supply chain ทั่วโลกที่ต้องใช้ชิปอย่างแน่นอน

เรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวน หลายคนอาจได้เห็นข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่าโลกเราร้อนขึ้นเกิน 2 องศาเป็นครั้งแรก เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ 150 ปีที่แล้ว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าหากร้อนเกินสององศาแล้วจะส่งผลกระทบอื่นๆ ตามมาเป็นลูกโซ่ในระดับที่เราไม่สามารถแก้ไขได้

ส่วนเรื่องเอไอก็อย่างที่เห็นกันว่ามันมาไกลและมาเร็วกว่าที่เราคาดคิด นักประวัติศาสตร์ Yuval Harari บอกว่านี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น ถ้าเปรียบกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ChatGPT ในปัจจุบันยังเป็นแค่เอไอระดับอะมีบา ถ้ามันวิวัฒนาการเป็นเอไอระดับทีเร็กซ์จะทรงพลานุภาพแค่ไหน

วันก่อนมีเพื่อนที่กำลังจะมีลูกถามผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่าจะสอนอะไรลูกดี ผู้ใหญ่ท่านนั้นส่ายหน้า บอกว่าลูกของเราจะเติบโตไปในโลกที่เราไม่รู้จัก ดังนั้นเราไม่รู้หรอกว่าเราควรจะสอนอะไร

เมื่อยังต้องอาศัยอยู่และเอาตัวรอดในโลกที่ผันผวนขนาดนี้ ผมก็นึกถึงประโยคหนึ่งในหนังสือ “สู่ชีวิตใหม่ : การแสวงหาในช่วงหนึ่งของชีวิต” ของนายแพทย์วิธาน ฐานะวุฑฒ์ ที่อ้างอิงถึงคำพูดของ Otto Charmer ผู้เขียนหนังสือ The Theory U เมื่อปี 2007 ว่า

“โลกในภายหน้า เราจะพบความแปรปรวนอย่างหนัก จนความรู้เดิมและประสบการณ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เราทำได้เพียงเชื่อในสิ่งที่หัวใจบอก นำทางชีวิตพวกเราไป”

ฟังดู cheesy นิดๆ แต่เป็นถ้อยคำที่ควรพิจารณา

เพราะผมไม่คิดว่าคำตอบจะอยู่ใน ChatGPT TikTok หรือที่ปรึกษาใดๆ

เราทำได้เพียงเชื่อในสิ่งที่หัวใจบอก และให้มันค่อยๆ นำทางชีวิตของเราไป ส่วนจะใช้เครื่องมืออื่นใดเป็นตัวช่วยก็ไม่ผิด แต่ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นมันมากนัก

สุดท้าย ถ้ามันจะดีจะร้าย ก็ขอให้มันเป็นทางที่เราเลือกเองโดยรู้ตัวครับ