บางทีเราก็ควรกินกบตัวใหญ่ บางทีเราก็ควรกินเฟรนช์ฟรายส์

หนึ่งในหัวข้อสำคัญของ time management คือการเลือกว่าจะหยิบงานชิ้นไหนขึ้นมาทำก่อน

ผมคิดว่ายิ่งเรารู้จักทางเลือกมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสคัดสรรและพลิกแพลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้นเท่านั้น

วันนี้จึงอยากมาแชร์ว่า ผมมีวิธีการตัดสินใจอย่างไรบ้างว่าจะทำอะไรก่อน-หลัง

1.กินกบตัวนั้นซะ! – มาจากหนังสือเล่มดังชื่อ Eat That Frog ของ Brian Tracy ที่เปรียบงานเป็นเหมือนกบ เราควรเลือกกบตัวที่ใหญ่ที่สุดและหน้าตาน่าเกลียดสุดขึ้นมากินก่อน เพราะถ้าเรากินกบตัวนี้ได้ กบตัวที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว ซึ่งวิธีการนี้ก็สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานว่า willpower หรือพลังใจของเรานั้นจะสูงที่สุดในช่วงเช้า และจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ตามเวลาทำงาน ดังนั้นการเลือกทำงานยากที่สุดตอนที่พลังใจเราสูงที่สุดก็สมเหตุสมผล

  1. กินเฟรนช์ฟรายส์ก่อน – ไอเดียนี้ไม่ได้มาจากหนังสือเล่มไหน ผมแค่ตั้งชื่อให้มันเล่นๆ เพราะเฟรนช์ฟรายส์เป็นอาหารมหาชน อร่อยและกินง่าย ไม่ต้องใช้ความพยายาม ดังนั้นถ้าเราอยากจะทำงานง่ายๆ ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร ข้อดีคือเมื่อเราทำเรื่องง่ายสำเร็จ มันจะเป็น quick wins ที่ทำให้เรามีความมั่นใจและโมเมนตั้มในงานชิ้นถัดไป
  2. ทำงานที่ด่วนที่สุดก่อน – งานไหนด่วนสุดก็เอาขึ้นมาทำก่อน เพราะถ้าไม่เสร็จเดี๋ยวจะโดนตำหนิหรือดูไม่ดีในสายตาเพื่อนร่วมงาน วิธีแบบนี้อาจจะช่วยให้เราเอาตัวรอดได้ก็จริง แต่ก็ต้องระวังที่จะไม่ทำงานด่วนอยู่ตลอด เพราะคนที่มาบอกว่าด่วนนั้นบางทีเขาอาจมาเร่งเราเกินความจำเป็น หรืออาจวางแผนไม่ดีมาตั้งแต่ต้นก็ได้
  3. ทำงานที่มี long-term impact ที่สุดก่อน – ในภาษา time management ก็คืองาน Q2 – สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน เป็นงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของเรา ไม่มีเส้นตายชัดเจน ถึงไม่ทำก็ไม่โดนตำหนิ งานประเภทนี้ถ้าไม่จัดเวลาให้มันเราอาจจะโดนงานด่วนงานแทรกแย่งชิงเวลาไปหมด
  4. ทำงานโดยดูจากคนสั่งงาน – ถ้าหัวหน้าเป็นคนสั่งงานนี้ เราก็อาจจะอยากเอางานนี้ขึ้นมาทำก่อนงานที่เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องมาขอให้ช่วยทำ เพราะสุดท้ายแล้วหัวหน้าคือคนที่ตัดสินใจเรื่องผลการประเมินประจำปี (ซึ่งมีผลต่อโบนัสและการปรับเงินเดือน) ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการทำให้หัวหน้าแฮปปี้ก็จะช่วยให้เราจัดลำดับงานได้ง่ายขึ้น
  5. เรียงลำดับตามความอยาก – อยากทำงานชิ้นไหนก็หยิบงานชิ้นนั้นขึ้นมาทำก่อน ซึ่ง “ความอยาก” ที่ว่านั้นก็มาได้จากหลายปัจจัย อยากเพราะว่ามันง่าย อยากเพราะว่ามันด่วน อยากเพราะว่ามันเป็นผลดีกับเราในระยะยาว อยากเพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำจะโดนหัวหน้าตามงาน การเลือกงานโดยทำตามความอยากนี้ค่อนข้างเวิร์คในวันที่เราไม่ได้มีประชุมมากนักและไม่ได้มีงานไหนที่เร่งเป็นพิเศษ เพราะมันคือการทำงานสนองความชอบและความพร้อมทางใจล้วนๆ
  6. เรียงลำดับตามความไม่สบายใจ – งานชิ้นไหนที่เรารู้สึกไม่สบายใจมากที่สุดก็เอาขึ้นมาทำก่อน แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้สำคัญหรือไม่ได้มีผลลัพธ์ระยะยาวมากนัก แต่การจัดการงานเหล่านี้ให้เรียบร้อยจะช่วยให้เราลดความรู้สึกหน่วงๆ และมีกำลังใจทำงานชิ้นอื่นได้อย่างมีสมาธิมากขึ้น

หากผู้อ่านท่านไหนมีวิธีจัดลำดับแบบอื่นๆ อีกก็มาแชร์ไว้ตรงนี้ได้เลยนะครับ