จะจ่ายตอนนี้หรือจะจ่ายทีหลัง

จะจ่ายตอนนี้หรือจะจ่ายทีหลัง

“ผึ้ง” ภรรยาของผมนอนหลับไม่ค่อยสนิทมาหลายวัน เพราะเมื่อวานต้อง present เรื่องแผนการปี 2022 ให้กับ key leaders ที่ทำงาน ผึ้งเลยตื่นตั้งแต่หัวรุ่งมานั่งทำสไลด์ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ แก้แล้วแก้อีกจนสไลด์เสร็จเรียบร้อยเมื่อวานตอนเช้าก่อนจะไปส่งปรายฝนกับใกล้รุ่งที่โรงเรียน

ผมเตือนผึ้งว่าอย่าลืมซ้อมด้วยนะ ผึ้งบอกว่าได้ เดี๋ยวซ้อมในรถตอนขากลับจากส่งลูกๆ ก็แล้วกัน


ระหว่างขับรถไปส่งลูกๆ “ปรายฝน” ลูกสาวคนโตดูหน้าตาหงอยๆ

ปรายฝนพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า

“พอถึงโรงเรียนแล้ว แด๊ดดี้เอาสมุดการบ้านออกจากกระเป๋าแล้วเอากลับบ้านไปได้มั้ย ปรายฝนไม่ได้ทำการบ้านมา ปรายฝนกลัวโดนคุณครูว่า”

“แล้วปรายฝนจะบอกคุณครูว่ายังไงเหรอ”

“…”

“ปรายฝนจะบอกคุณครูว่าปรายฝนลืมเอาสมุดการบ้านมาเหรอ”

“…”

การบอกว่าลืมเอาสมุดการบ้านมา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่ได้ลืม เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เพราะจะเป็นการปลูกฝังนิสัยที่ผิดให้กับลูก

ปรายฝนบอกว่า ปรายฝนจะบอกคุณครูตรงๆ ว่าไม่ได้ทำการบ้านมา แต่น้ำเสียงก็ดูไม่มั่นใจนัก ผมกับผึ้งมองว่ายังไงก็ควรติดสมุดการบ้านไปนั่นแหละ เผื่อคุณครูสั่งการบ้านใหม่ จะได้รู้เรื่องว่าต้องทำหน้าไหนบ้าง

ไปส่งถึงหน้าโรงเรียน ปรายฝนก็ไม่ยอมเดินเข้าประตู น้ำตาไหล กังวลเรื่องสมุดการบ้านเล่มนี้ “ใกล้รุ่ง” น้องชายก็ยืนรอเก้ๆ กังๆ ว่าเมื่อไหร่เจ่เจ้จะยอมเดินไปกับเขาเสียที

ผมบอกปรายฝนว่า ตอนเด็กๆ แด๊ดดี้ก็เคยไม่ทำการบ้านเหมือนกัน เด็กทุกคนก็ชอบเล่นมากกว่าทำการบ้านอยู่แล้ว แต่พอโดนคุณครูดุ แล้วเราไม่อยากโดนดุอีก คราวหน้าเราก็จะได้ตั้งใจรีบทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปเล่น ไม่ใช่เอาแต่เล่นแล้วต้องมานั่งกังวลอยู่แบบนี้

ต้องกล่อมอยู่ร่วม 10 นาที ปรายฝนถึงยอมเดินเข้าประตูไป


ส่งปรายฝนเสร็จ ระหว่างเดินกลับไปที่รถ ผมโทรไปร้านหมูปิ้งหน้าปากซอยให้เขาเตรียมของไว้ให้ ขากลับจะได้แวะรับได้เลย

“หมูปิ้ง 8 ไม้ ข้าวเหนียว 2 ถุงครับ”

“หมูจะเอาแบบติดมันหรือไม่ติดมันครับ” คนขายถาม

ผมชะงักไปชั่วขณะนึง ผลตรวจสุขภาพตอนปลายปีบอกว่าค่า LDL ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง แล้วผมก็ตอบไปว่า

“เอาแบบติดมันครับ”


ระหว่างนั่งรถกลับ ผมหันไปถามผึ้งว่าจะซ้อมกันรึยัง เห็นส่งสไลด์เข้าไลน์มือถือตัวเองแล้วนี่ เดี๋ยวสิบโมงก็เริ่มประชุมแล้วไม่ใช่เหรอ

ผึ้งก็เขิน ไม่ยอมซ้อมให้ผมฟัง จนกลับถึงบ้าน กินหมูปิ้งจะเสร็จแล้ว พอถามว่าจะซ้อมมั้ย ก็ยังบ่ายเบี่ยง

ผมเลยบอกกับผึ้งว่า ผมได้หัวข้อเขียนบล็อกแล้ว – “จะจ่ายตอนนี้หรือจะจ่ายทีหลัง”

ถ้าไม่จ่ายด้วยการทำการบ้าน ก็ต้องจ่ายด้วยความกังวลว่าจะโดนครูดุรึเปล่า

ถ้าไม่จ่ายด้วยการซ้อมพรีเซนต์ ก็ต้องจ่ายด้วยการพูดอย่างขัดข้องตอนพรีเซนต์จริง

ถ้าไม่จ่ายด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ก็ต้องจ่ายด้วยค่า LDL ที่สูงขึ้น

(พูดจบผมก็หยิบหมูปิ้งติดมันไม้สุดท้ายขึ้นมากิน)

ผมก็เลยเสนอว่า ไหนๆ ก็จะพรีเซนต์ผ่าน Google Meet อยู่แล้ว งั้นไม่ต้องซ้อมกันต่อหน้ากันก็ได้ ซ้อมแบบผ่าน Google Meet นี่แหละ แล้วเดี๋ยวผมปิดกล้องปิดเสียง ผึ้งจะได้ไม่เขิน

ก็เลยได้ซ้อมใหญ่กันหนึ่งครั้ง และผมก็จดสิ่งที่อยากให้ปรับเอาไปบอกเขา และการพรีเซนต์ของผึ้งก็ผ่านไปได้ด้วยดี


ทุกอย่างในชีวิตมีราคาที่เราต้องจ่าย

แต่นิสัยที่แก้ไม่หายของคนเรา คืออยากใช้ให้มากที่สุด และจ่ายให้น้อยที่สุดหรือช้าที่สุด หรือถ้าเป็นไปได้ก็แอบหวังว่าจะไม่ต้องจ่ายเลย

มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Jordan Peterson ผู้เขียนหนังสือ 12 Rules for Life:

“Nobody gets away with anything. Ever.”

ต่อให้เราพยายามหลีกเลี่ยงแค่ไหน สุดท้ายเราก็ต้องจ่ายอยู่ดี แม้บางอย่างจะกินเวลาเป็นสิบปี

ถ้าตอนเด็กไม่จ่ายด้วยการตั้งใจเรียน ตอนโตก็ต้องจ่ายด้วยการยอมเหนื่อยและออกแรงมากกว่าคนที่เขามีความรู้แน่นอยู่แล้ว

ถ้าไม่จ่ายด้วยการดูแลสุขภาพตอนหนุ่มสาว ก็ต้องจ่ายด้วยการวิ่งเข้า-ออกโรงพยาบาลในวัยกลางคนและวัยชรา

ถ้าไม่จ่ายด้วยการให้เวลากับลูก ก็ต้องจ่ายด้วยความห่างเหินที่ลูกมีกับเราเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่

ถ้าไม่จ่ายด้วยการทำสิ่งที่ถูกต้องทั้งต่อหน้าและลับหลัง ก็ต้องจ่ายด้วยการถูกจับได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง (โดยเฉพาะตอนที่เราย่ามใจว่าจะไม่มีทางถูกจับได้)

ประเด็นสำคัญก็คือ การจ่ายทีหลังนั้นมักมี “ดอกเบี้ย” และหลายครั้งก็เป็นดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอกด้วย

การไม่ยอมจ่ายตอนนี้ ก็คือการผลักภาระให้กับตัวเองในอนาคต ซึ่งในวันนั้นสติปัญญาของเราอาจไม่แหลมคมเท่าตอนนี้ ร่างกายอาจไม่แข็งแรงเท่าตอนนี้ แต่ดันต้องมาแบกรับภาระที่ตัวเราในอดีตได้ก่อเอาไว้

Nobody gets away with anything. Ever.

ทุกอย่างในชีวิตมีราคาที่เราต้องจ่าย

จะยอมจ่ายตอนนี้ หรือจะยอมจ่ายทีหลังเท่านั้นเอง