สำหรับคนเป็นพ่อแม่ หนึ่งในปัญหาหนักอกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา คือการที่ลูกต้องเรียนออนไลน์
งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องดู เรียนก็ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่ แถมค่าเทอมยังแทบไม่ลดอีกต่างหาก
ผมกับพ่ออยู่บ้านคนละหลัง แต่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อวันก่อนผมวิ่งรอบหมู่บ้านเสร็จก็เจอพ่อกำลังเดินออกกำลังกายอยู่พอดี พ่อเลยชวนเดินไปคุยไป
พ่อเล่าให้ฟังว่าเพิ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับข้าราชการท่านหนึ่งในกระทรวงมหาดไทย เขาเล่าให้ฟังว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านหนึ่งได้ปรารภไว้ว่าเป็นห่วงเกี่ยวเด็กในต่างจังหวัดอยู่สองเรื่องและฝากฝังให้เขาช่วยคิดแก้ไข
หนึ่งคือการฉีดวัคซีนยังไปไม่ทั่วถึง หลายครอบครัวยังไม่ได้ฉีดแม้แต่เข็มแรกด้วยซ้ำ
สองคือเด็กเหล่านี้ไม่มีโอกาสเรียนออนไลน์เลย พ่อแม่ต้องออกไปทำมาหากิน แถมที่บ้านก็ไม่มีคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เด็กกลุ่มนี้จะเสียเปรียบมาก
ผมฟังไปก็สะท้อนใจว่าปัญหาลูกเรียนออนไลน์ของเรานี่มันจิ๊บจ๊อยเหมือนกัน เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่เรามีโอกาสดีกว่าคนอื่นตั้งมากมาย
ด้วยหน้าที่ในงาน ทำให้ผมติดตามสถานการณ์เรื่องโควิดค่อนข้างใกล้ชิด นับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนถึงบัดนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงเทพลดลง 3 เท่าจากวันละ 3700 คนเหลือประมาณ 1200 คน และผู้เสียชีวิตลดลง 6 เท่าจาก 120 เหลือ 20 คน
ถ้าไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ เดือนพฤศจิกายนสถานการณ์ในกรุงเทพน่าจะดีขึ้นพอที่จะทำให้พ่อแม่ชาวกรุงส่วนหนึ่งกล้าส่งลูกกลับไปเรียนที่โรงเรียน
แต่ประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ไม่อาจเข้าถึงทรัพยากรได้เท่าเรา
เมื่อเราตระหนักว่าเรายังโชคดีกว่าผู้คนอีกมาก เราก็จะมีกำลังใจที่จะรับมือกับปัญหาที่เราเผชิญอยู่ครับ