รีวิวการเปิดเพจบน Blockdit

สัปดาห์ที่ผ่านมา เพจ Anontawong’s Musings บน Blockdit มียอด followers ครบ 20,000 คน หลังจากที่ผมเปิดเพจบนแพลตฟอร์มนี้มาร่วม 2 ปี

วันนี้เลยจะมาขอแชร์สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเปิดเพจบนแพลตฟอร์มนี้ครับ

Blockdit คืออะไร
Blockdit บอกว่าตัวเองเป็น social network platform that connects all great ideas together. เป็นแอปที่สร้างโดยทีมงาน ลงทุนแมน พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

ไม่มีนักเลงคีย์บอร์ด
สิ่งที่เห็นได้ชัดใน Blockdit ก็คือในสังคมนี้ไม่ค่อยมีการทะเลาะกัน ส่วนใหญ่จะมาคอมเมนท์กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ได้เข้ามาทุ่มเถียงเอาเป็นเอาตายเหมือนใน Facebook หรือใน Twitter เพจที่เปิดอยู่ในนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องราวที่มีสาระและให้ความรู้ ไม่ค่อยมีเนื้อหาดราม่าที่พาอารมณ์คนอ่านนั่งรถไฟเหาะ

สิ่งที่ Blockdit เด่นกว่า Facebook
ถ้าดูไวๆ Blockdit แทบจะเหมือนเฟซบุ๊คทุกอย่าง ทั้งเฉดสี เลย์เอาท์ ปุ่ม reaction ต่างๆ ส่วนในฐานะเจ้าของเพจก็มีปุ่มบู๊สต์โพสต์เพื่อให้คนเห็นบทความเรามากขึ้นด้วย

แต่ก็มีหลายฟีเจอร์ของ Blockdit ที่ไม่มีบนเฟซบุ๊ค เช่นเวลาโพสต์บทความ Blockdit เราสามารถแทรกรูปภาพในบทความได้หลายรูป ทำให้ประสบการณ์การอ่านนั้นดีกว่าบนเฟซบุ๊ค ที่รูปก็อยู่ส่วนรูป บทความก็อยู่ส่วนบทความ

Blockdit ยังเปิดให้เขียนเป็น Series ก็ได้ หรือจะโพสต์พอดคาสท์ก็ได้ ทั้งสองอย่างนี้ผมยังไม่ได้ลอง แต่เห็นเจ้าของเพจคนอื่นๆ ก็ใช้กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดอีกอย่างก็คือ response time ของ Blockdit นั้นเร็วมาก ไม่ว่าจะอัพโหลดรูปหรือกดโพสต์ ข้อความของเราก็จะ live แทบทันที ซึ่งต่างจากเวลาที่ผมโพสต์ลงเฟซบุ๊คที่ตอนนี้เปลี่ยน interface ไปเป็นแบ็คกราวด์สีดำ พอกดโพสต์แล้วต้องนับ 1-10 ในใจกว่าบทความนั้นจะโพสต์สำเร็จ

เปิดโอกาสให้บทความเก่าๆ ได้ “เห็นเดือนเห็นตะวัน”
บนเฟซบุ๊คนั้น อะไรที่เก่าเกินหนึ่งสัปดาห์เราก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้ามันอีกแล้ว แต่บน Blockdit นั้น เมื่ออ่านไปจนจบบทความ มันจะมีบทความแนะนำที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันมาให้เราได้อ่านอีก ซึ่งบทความเหล่านั้นอาจจะถูกเขียนเอาไว้หลายเดือนแล้วก็ได้ บทความเก่าๆ ของผมหลายตอนเลยถูกคนนำมาแชร์ใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นบนเฟซบุ๊คเลย

ยอดไลค์โตเร็วกว่าเฟซบุ๊ค
ผมเปิดเพจ Anontawong’s Musings บน Facebook มาเกือบ 6 ปี มีคนตามเพจประมาณ 30,000 คน ส่วน Blockdit นั้นมีคนตามครบ 20,000 คนภายในเวลาไม่ถึงสองปี ดังนั้นคิดว่าภายใน 18 เดือนข้างหน้า ยอด followers บน Blockdit ก็น่าจะแซง Facebook ได้ไม่ยาก

ถ้าบทความดังจน “ติดดาว” ก็จะได้ค่าตอบแทน
บทความติดดาวความว่าบทความนี้ได้รับความนิยมและ Blockdit ก็จะตอบแทนนักเขียนเป็นตัวเงิน โดยบทความที่ได้ดาวจะได้ค่าตอบแทนที่ประมาณ 80-120 บาท เมื่อรายได้สะสมเกิน 1,000 บาทก็สามารถขอให้ทาง Blockdit โอนเงินเข้าบัญชีเราได้ และมีหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายส่งมาให้ทางอีเมลด้วย

ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมาผมโพสต์บทความไปทั้งหมด 656 โพสต์ เป็นบทความติดดาว 267 โพสต์ และได้ค่าตอบแทนจาก Blockdit รวมแล้วประมาณ 25,000 บาทครับ

ผมคิดว่า algorithm ในการติดดาวยังไม่ค่อยเสมอต้นเสมอปลายเท่าไหร่ บางบทความมีคนกดแชร์แค่ 3 ครั้งก็ได้ดาวแล้ว ในขณะที่บางอันมีคนแชร์เป็นสิบแต่กลับไม่ได้ดาว

ยอดไลค์/reach ไม่ได้โตตามจำนวน followers
อันนี้ผมค่อนข้างแปลกใจที่ยอด Like หรือ Reach ไม่ได้โตขึ้นตามจำนวน followers เท่าไหร่ ซึ่งผมเดาเอาเองว่าเป็นหลักการของทีมงาน Blockdit ที่ต้องการ “กระจายอำนาจ” ให้คนทำเพจ แม้จะเป็นเพจเล็กคนติดตามแค่ไม่กี่ร้อยคน ก็มี reach ที่ไม่ได้ต่างกับเพจใหญ่ที่คนติดตามเป็นหมื่นนัก ซึ่งก็น่าจะเป็นกำลังใจให้คนที่เริ่มทำเพจได้ไม่มากก็น้อย และผมก็เชื่อว่าถ้ามี active users มากขึ้น ยอด reach ของเพจใหญ่ก็น่าจะดีขึ้นกว่านี้

“Hot” Feed – อีกหนึ่งสิ่งที่เฟซบุ๊คไม่มี
บทความจะมีคนเห็นเยอะหรือไม่นั้น ผมคิดว่าปัจจัยหลักก็คือ engagement เบื้องต้นนั้นดีรึเปล่า ถ้า engagement ดี บทความนั้นจะถูกคัดสรรไปอยู่ในฟีด “ไฟลุก” ซึ่งหมายถึงบทความยอดนิยมประจำวันนั้นๆ ซึ่งแยกออกมาจาก Timeline ปกติ ถ้าบทความของเราได้ไปอยู่ในฟีดไฟลุกก็มีความเป็นไปได้สูงที่บทความจะมีคนกดไลค์เยอะ ได้ติดดาวพร้อมได้ตังค์ค่าขนมครับ

ถ้าในบทความมีแปะลิงค์ไปที่อื่นๆ reach จะตกลงอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าผมใส่ลิงค์ไปยังเว็บอื่นๆ ยอด reach จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ตรงนี้น่าจะเป็นมิติที่ผมขัดใจที่สุดในการใช้งาน Blockdit แม้จะเข้าใจว่าอยากจะให้ผู้อ่านอยู่บน platform ของตัวเองให้นานที่สุด แต่ผมเชื่อว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้

มีการ “ฝากร้าน” ค่อนข้างเยอะ
ด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มที่เขียนแล้วได้เงิน จึงมีคนมาเปิดเพจบน Blockdit เพื่อหวังเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง สิ่งที่ตามมาก็คือเจ้าของเพจเหล่านั้นจะไปคอมเมนท์ตามเพจต่างๆ ประมาณว่าทิ้งชื่อเพจตัวเองไว้ตามบทความที่ดังๆ เพื่อหวังให้คนเห็นและให้คนตามมากดไลค์ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ได้ผลรึเปล่า ผลลัพธ์ก็คือคอมเมนท์ใต้โพสต์นั้นเกินครึ่งเป็นการฝากร้านมากกว่าเป็นการมาคอมเมนท์เพื่อแสดงความเห็นของผู้อ่านธรรมดา

บทสรุป
Blockdit มีความมุ่งหมายที่จะเป็น social media ที่รวบรวมเรื่องราวดีๆ และสร้างสรรค์เพื่อคนไทย แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็น social media ได้เต็มตัวเพราะ users ไม่ได้ connect กันเองเท่าไหร่ แต่เรื่องคอนเทนท์คุณภาพต้องยอมรับว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

ในแง่ฟีเจอร์ Blockdit มีหลายๆ อย่างที่โดดเด่นกว่าเฟซบุ๊ค แถมคนเขียนยังได้เงินอีกด้วย แต่มันก็มี side effect ตรงที่มีคนอยากมาเปิดเพจเพื่อหาตังค์ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ users ที่เข้ามาอ่านเฉยๆ

ใครที่สนใจเปิดเพจใน Blockdit ผมก็แนะนำให้ทำนะครับ ยิ่งถ้ามีเพจอยู่ในเฟซบุ๊คอยู่แล้ว การเพิ่มคอนเทนท์ลงใน Blockdit นั้นแทบไม่ได้เสียเวลาเพิ่มเติมเลย เผลอๆ อาจจะกลายมาเป็นช่องทางที่มีคนติดตามเยอะที่สุดก็เป็นได้

ขอบคุณทีมงาน Blockdit ที่สร้างแอปดีๆ ให้เราได้ใช้กัน ขอเป็นกำลังใจให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ครับ