เพราะในวันที่บทบาทนั้นถูกทำร้ายหรือถูกทำลาย เราจะไม่เหลืออะไรเลย
คิดว่าเราทุกคนคงเคยพบเจอคนที่เอางานเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล
เช้าตรู่ก็ทำงาน ดึกดื่นก็ทำงาน เสาร์อาทิตย์ก็ทำงาน
ตีหนึ่งก็ยังตอบเมล ตีห้าครึ่งก็ตื่นมาตอบไลน์
ผลงานอาจโดดเด่น แต่ความจริงจังก็ทำให้คนรอบข้างร้อนๆ หนาวๆ เพราะเขาคาดหวังให้คนอื่นทุ่มเทในระดับเดียวกันกับเขาด้วย
แล้วในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ในวันที่คู่แข่งแซงเราไป ในวันที่ทีมงานตบเท้าลาออก เขาก็อาจโดนตำหนิ โดนลดบทบาท โดนโยกย้าย หรือแม้กระทั่งโดนเชิญออก ความทุ่มเทที่ผ่านมาทั้งหมดราวกับไม่มีความหมาย
คิดภาพไม่ออกเลยว่าสำหรับเขามันจะเจ็บปวดเพียงใด
เราต้องพยายามไม่เป็นคนๆ นั้น ไม่เป็นคนที่เอาตำแหน่งหน้าที่การงานมาเป็นทุกอย่างของชีวิต
เรามีบทบาทที่สอง สาม สี่ และอีกมากที่เราเล่นได้
บทบาทของลูก บทบาทของพ่อแม่ บทบาทของเพื่อน บทบาทของสมาชิกชมรม บทบาทของตากล้อง บทบาทของมือกีตาร์ในวงดนตรี
บทบาทเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น
หนึ่ง เพราะครอบครัวยังต้องการเรา
สอง เพราะความรู้ความสามารถของเรานั้นไม่ควรถูกจำกัดให้สร้างประโยชน์เพื่อองค์กรเพียงอย่างเดียว
สาม เพราะบทบาทเหล่านี้ช่วยให้เราเป็นคนที่มีความสมดุลมากขึ้น
และสี่ ในวันที่เราสูญเสียหรือเพลี่ยงพล้ำในบทบาทของหน้าที่การงาน เราจะได้ไม่ฟูมฟายจนเกินเหตุครับ