
เมื่อวานนี้น้องที่ทำงานคนหนึ่งเล่าว่า ตอนเด็กๆ เขานึกว่าแพนเค้กกับวอฟเฟิลคืออาหารชนิดเดียวกัน โตมาถึงเพิ่งรู้ความแตกต่าง
—–
ตอนเรียนอยู่ปี 1 ที่มหาวิทยาลัย ผมมีเพื่อนที่พกน้ำขวดติดตัวตลอดเวลา เขาบอกผมว่าเขาดื่มน้ำยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียวเท่านั้น น้ำยี่ห้ออื่นมันไม่หวาน ใจผมตอนนั้นก็คิดว่า น้ำดื่มยี่ห้อไหนมันก็น้ำเปล่าทั้งนั้น ไม่มีสีไม่มีกลิ่นไม่มีรส ไม่เห็นจะต่างกันเลย
ผ่านมาเป็นสิบปีถึงเพิ่งเข้าใจสิ่งที่เพื่อนเคยบอก น้ำดื่มแต่ละยี่ห้อรสชาติไม่เหมือนกันจริงๆ และเวลาผมซื้อน้ำขวดก็จะเลือกซื้อแค่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น
—–
แต่ก่อนผมเป็นคนชอบกินพริงเกิลส์มาก โดยเฉพาะรสซาวครีมและหัวหอม แต่ก็ซื้อกินได้ไม่บ่อยเพราะราคากระป๋องละ 65-80 บาทและมีวางขายแต่ในซูเปอร์มาร์เก็ต
จนกระทั่งเมื่อซัก 7 ปีที่ผ่านมา พริงเกิลส์ก็บุกตลาดไทยเต็มตัว แถมราคาก็ถูกลงด้วย แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือพริงเกิลส์กระป๋องละ 55 บาทที่เราเห็นวางขายใน 7-Eleven ตอนนี้มันคนละเวอร์ชั่นกับพริงเกิลส์กระป๋องละ 65 บาท
พริงเกิลส์ที่มีวางขายกันทั่วไปนั้นผลิตในมาเลเซีย ส่วนพริงเกิลส์กระป๋องละ 65 บาทนั้นผลิตในอเมริกาและยังหาซื้อยากเหมือนเดิม ผมแทบไม่เคยซื้อเวอร์ชั่นมาเลเซียเลย แต่ถ้าเจอเวอร์ชั่นอเมริกาเมื่อไหร่ก็จะซื้อติดมือกลับบ้านเสมอ
—–
รอบตัวเรามีสิ่งที่เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันอยู่หลายอย่าง
เป๊ปซี่กับโค้ก
มาม่ากับยำยำ
ยาคูลท์กับบีทาเก้น
เราอาจจะมีเพื่อนที่เรื่องมากกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เหมือนที่ผมเรื่องมากจะกินแต่พริงเกิลส์สัญชาติอเมริกัน ทั้งๆ ที่ถ้ามองจากคนนอก จะกินอันไหนมันก็เหมือนๆ กัน
แต่ผมว่ารายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้แหละครับที่สำคัญ
คำพูดเดียวกัน แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกัน ความหมายก็แตกต่างแล้ว
คำพูดเดียวกัน แต่คนพูดคนละคนกัน คนฟังก็รู้สึกแตกต่างแล้ว
สไลด์เนื้อหาเหมือนกัน แต่ใช้ฟอนท์ต่างกัน ก็ดูเป็นมืออาชีพไม่เท่ากันแล้ว
ดังนั้น โปรดระวังเวลาเรากำลังเกิดความคิดที่ว่า “เพื่อน/แฟน/หัวหน้าเรื่องมากจัง มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ”
เพราะจริงๆ แล้วมันไม่เหมือนกันเลย อย่างน้อยก็สำหรับคนคนนั้น
หากเราเข้าใจและใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้ เราก็น่าจะไปได้ไกลกว่า ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์และการทำงานครับ