ความรักจะทำอะไร

20180120_whatwouldlovedo

ในตอนที่ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากและเชิญชวนด้านมืดของเราให้ออกมาแสดงตน คำถามหนึ่งที่มีประโยชน์คือ

What would love do?

ความรักจะทำอะไร?

เวลาแฟนพูดจาไม่ดีกับเรา ความรักจะทำอะไร?

เวลาลูกงอแงพูดไม่ฟัง ความรักจะทำอะไร?

เวลามีคนขับรถปาดหน้า ความรักจะทำอะไร?

แล้วก็ทำตามนั้น

หากบางสถานการณ์เราใช้ความรักนำทางไม่ลงจริงๆ ก็ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือถามว่า

ความโง่จะทำอะไร? ความถือดีจะทำอะไร?

แล้วก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำสิ่งนั้น เพราะมันจะยิ่งทำให้ปัญหาเลวร้ายกว่าเดิม

What would love do?

คำถามสั้นๆ ง่ายๆ แต่ผมลองใช้แล้วมีประโยชน์มาก อยากให้ลองเอาไปใช้ดูนะครับ

—–

ขอบคุณประกายความคิดจาก Conversations with God by Neale Donald Walsch

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่น 6 & 7 เรียนเสาร์ที่ 3 ก.พ.  >> https://goo.gl/U55hAb

นิทานลมแปดทิศ

20180119_eightwinds

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

“ซูตงพอ” เป็นอำมาตย์ใหญ่ และเป็นนักประพันธ์ชื่อดัง เขียนหนังสือไว้มากมายทั้งทางโลกและทางธรรม มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว

ซูตงพอ เป็นศิษย์ของพระอาจารย์เซนชื่อดังรูปหนึ่ง วันหนึ่งคิดจะแสดงว่าตนปฏิบัติถึงขั้นล้ำลึกแล้ว จึงแต่งโศลกนี้ขึ้นมา

ค้อมหัวคำนับฟ้าเหนือฟ้า
แสงเจิดจ้าสาดส่องเหล่าเวไนย
ลมแปดทิศโหมมาไม่หวั่นไหว
นั่งนิ่งในดอกบัวสีม่วงทอง

เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็ให้คนรับใช้นำไปให้พระอาจารย์

พระอาจารย์อ่านจบ ก็เขียนใส่ด้านหลังโศลกว่า “ผายลม” (เป็นศัพท์แสลง แปลว่า เพ้อเจ้อ ไร้สาระ)

เมื่อซูตงพอได้อ่านคำของอาจารย์ ก็บันดาลโทสะยิ่งนัก นั่งเรือข้ามฟากไปหาพระอาจารย์ทันที

พระอาจารย์รู้อยู่แล้วว่าซูตงพอจะต้องมา จึงสั่งลูกศิษย์ไว้แล้วว่าวันนี้ไม่รับแขก

ซูตงพอยิ่งเดือดดาลหนักขึ้นไปอีก จึงถือวิสาสะเดินไปที่ห้องพักพระอาจารย์

ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตู ก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งติดไว้ที่หน้าประตูว่า

ลมแปดทิศโหมมาไม่หวั่นไหว
แต่ลมตดเดียวซัดท่านมาถึงนี่

ซูตงพอเลยรู้สึกตัว และอดขบขันตัวเองไม่ได้

หลังจากนั้นจึงมีคำพังเพยมาจนถึงทุกวันนี้ว่า

“จงเอาเยี่ยง แต่อย่าเอาอย่าง ซูตงพอ”

เอาเยี่ยงที่ฝักใฝ่ธรรมะ แตกฉานอภิธรรม

แต่อย่าเอาอย่างที่การปฏิบัติยังไปไม่ถึงไหน

—–

ขอบคุณนิทานจาก What Am I.net : นิทานเซ็น

เมื่อเราตามคนอื่นเราจะสูญเสียตัวเอง

20180118_losethecrowd

เมื่อเราตามตัวเองเราจะสูญเสียคนอื่น

“When you follow the crowd you lose yourself. When you follow yourself you lose the crowd.”
-Someone on Quora

มีคนเคยบอกว่า ยิ่งเราเล่น social media มากเท่าไหร่ ความสุขเรายิ่งน้อยลงเท่านั้น

เพราะเราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าชีวิตคนอื่นเขาดี๊ดี ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขา (รวมถึงเรา) ก็ล้วนแต่คัดแต่สิ่งที่จะทำให้ตัวเองดูดีมาประกาศให้โลกเห็นอยู่แล้ว

พอเราเห็นว่าชีวิตดีๆ ควรเป็นเช่นไรมากๆ เข้า เราก็เลยอาจหลงลืมว่าชีวิตที่ดี “สำหรับเรา” คืออะไร

และบางทีการทำตามคนอื่นที่เค้าว่าดีกันก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยพอดู

ในทางกลับกัน

ถ้าเราเป็นตัวของตัวเอง คิดและทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะแปลกแยก

บล็อกเกอร์คนหนึ่งอาจต้องตื่นแต่หัวรุ่งเพื่อมานั่งหน้าคอม ในขณะที่คนอื่นกำลังหลับสบาย

CEO ของ startup เกิดใหม่อาจยังต้องนั่งทำบัญชีเงินเดือนให้ลูกน้อง ในยามที่เพื่อนคนอื่นๆ เขาออกไปเที่ยววันเสาร์อาทิตย์

คุณแม่คนหนึ่งอาจจะกำลังนั่งสมาธิ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังนั่งดูละครหลังข่าว

ทางที่เราเลือกเดินเองมักจะโดดเดี่ยวเสมอ

ตามคนอื่นก็สูญเสียตัวเอง ตามใจตัวเองก็สูญเสียคนอื่น

ไม่ได้บอกว่าทางไหนดีกว่าหรือแย่กว่า

แค่เป็นความจริงที่เราต้องยอมรับให้ได้เท่านั้นเอง

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่น 6 & 7 เรียนเสาร์ที่ 3 ก.พ.  >> https://goo.gl/U55hAb

อย่าหวังผลเลิศ

20180117_greatresults.png

โลกทุนนิยมจะให้รางวัลกับคนที่เป็น results-oriented หรือคนที่มุ่งผลลัพธ์เป็นสำคัญ

อะไรที่วัดเป็นตัวเลขได้ และเขาทำได้ตามนั้น เขาก็จะได้ผลตอบแทนตามมาด้วย

แต่จะ results-oriented ตลอดเวลาก็คงไม่ดีนัก

หนึ่ง คือทุนนิยมไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ในบางเวลาเราควรจะถอดหมวกนี้ออกบ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์

สอง แม้จะหวังผลเลิศแค่ไหน บางทีปัจจัยก็มากเกินควบคุมให้เป็นไปได้ดั่งใจ ยิ่งหวังผลเลิศเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น

ถ้าไม่ให้หวังผลเลิศแล้วควรเราควรจะหวังอะไร?

ลองหวัง “การกระทำเลิศ” ดูมั้ยครับ?

เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้ ว่าจะลงมือทำหรือไม่ จะทำเมื่อไหร่ จะทำด้วยวิธีไหน และด้วยสติปัญญาและแรงกายแรงใจระดับไหน

ไม่หวังผลเลิศ แต่หวังการกระทำเลิศ

เต็มที่กับการกะทำ ไม่เอาเป็นเอาตายกับผลลัพธ์ น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ใช้ได้กับหลายๆ สถานการณ์ครับ

—–

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่น 6 & 7 เรียนเสาร์ที่ 3 ก.พ.  >> https://goo.gl/U55hAb (รอบเช้าเหลือ 5 ที่นั่ง รอบบ่ายเหลือ 8 ที่นั่ง)

แพ้ไม่ได้แปลว่าล้มเหลว

20180115_lossisnotfailure

ชนะไม่ได้แปลว่าสำเร็จ

Annie Duke เป็นนักเล่นไพ่โปกเกอร์อันดับต้นๆ ของโลก

เธอเคยคว้าแชมป์ World Series of Poker ในปี 2004 มาแล้ว (รายการนั้นมีคนเข้าแข่งขันสองร้อยกว่าคน)

โปกเกอร์นั้นไม่ได้ใช้แค่ดวง แต่ต้องอาศัยการวางแผน การคำนวณและเข้าใจหลักจิตวิทยาด้วย (แอนนี่ได้รับทุนเรียน Cognitive Psychology ที่ University of Pennsylvania ซึ่งเป็นมหาลัยระดับท็อปของอเมริกาา)

เธอบอกว่า การแพ้ไม่ได้แปลว่าเธอทำได้ไม่ดี เพราะบางทีแม้ว่าเธอจะตัดสินใจได้ดีแค่ไหน ควบคุมอารมณ์ได้ดีเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมไพ่ในมือคนอื่นได้ ดังนั้นแม้จะทำทุกอย่างได้ตามแผน ก็ยังมีสิทธิ์แพ้ได้อยู่ดี

ในทางกลับกัน ถ้าเธอชนะ ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะดีเสมอไป เธออาจจะตัดสินใจได้ไม่ดีด้วยซ้ำ แต่ก็ดันฟลุ้คชนะมาได้

เปรียบเหมือนกับการขับรถฝ่าไฟแดงแล้วไม่เจออะไร ก็ไม่ได้แปลว่าเราควรจะฝ่าไฟแดงเรื่อยๆ หรือถ้าเราขับผ่านไฟเขียวแล้วเจออุบัติเหตุ ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ควรวิ่งผ่านไฟเขียวอีกแล้ว

แพ้หรือชนะ จึงไม่สำคัญเท่ากับหลักการหรือการกระทำที่นำไปสู่ผลลัพธ์นั้น

เพราะนั่นต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสินว่า เราจะสำเร็จหรือล้มเหลวในระยะยาวครับ

—–

ขอบคุณข้อมูลจาก Tribe of Mentors Short Life Advice from the Best in the World by Timothy Ferriss

เปิดรับสมัคร Time Management รุ่น 6 & 7 เรียนเสาร์ที่ 3 ก.พ.  >> https://goo.gl/U55hAb (รอบเช้าเหลือ 8 ที่นั่ง รอบบ่ายเหลือ 10 ที่นั่ง)