ข้อแม้น้อยทางเลือกจะเยอะ
ในยามที่เรารู้สึกว่าชีวิตยากลำบากและถามตัวเองเกินวันละหนึ่งครั้งว่า “ทำไมเราต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ด้วย”
นั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่จะกลับมาทบทวนตัวเอง ว่าใครกันที่พาเรามาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ถ้าซื่อตรงพอ คำตอบก็คือตัวเราเองนี่แหละ
สมมติว่าผมเป็นหัวหน้าที่งานเยอะมาก สามทุ่มแล้วก็ยังทำงานอยู่ ในขณะที่ลูกน้องกลับบ้านกันไปหมดแล้ว แทนที่ผมจะโกรธลูกน้อง ผมควรกลับมาถามตัวเองว่าทำไมผมถึงกระจายงานไม่เป็น
เพราะเราไม่ไว้ใจลูกน้องเพียงพอใช่มั้ย เพราะเรากลัวว่าเค้าจะทำได้ไม่ดีเท่าเราใช่มั้ย เพราะเราทำเองเสร็จเร็วกว่าใช่มั้ย
เมื่อไม่ไว้ใจพอ ก็เลยต้องตัดทางเลือกนี้ไป แล้วก็เก็บงานไว้ทำเองคนเดียว แล้วก็อยู่ดึกอย่างช่วยไม่ได้ แล้วจะโทษใคร?
ยังมีตัวอย่างอีกมากมายทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวที่เราพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่ชอบเพราะข้อแม้ของเราเอง
ข้อแม้หนึ่งข้อก็เหมือนกรงหนึ่งซี่ ยิ่งข้อแม้เยอะเท่าไหร่ คุกที่เราสร้างก็ยิ่งแข็งแรงและมีขนาดเล็กลงเท่านั้น
บางคนอาจเถียงว่า ที่เขาข้อแม้เยอะ เพราะเขามาตรฐานสูง
ผมเห็นด้วยว่าเราต้องมีมาตรฐานอยู่บ้าง แต่เราไม่จำเป็นต้องมาตรฐานสูงกับทุกเรื่อง หนึ่งเพราะมันเหนื่อย สองคือเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาตรฐานที่ว่านั้นมันเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรืือเป็นเพียงเพราะเราถูกชี้นำจากสื่อและคนรอบข้าง
ข้อแม้เยอะทางเลือกจะน้อย ข้อแม้น้อยทางเลือกจะเยอะ
ลดข้อแม้ได้เมื่อไหร่ ความเป็นไปได้จะเปิดกว้าง และเราจะเหนื่อยน้อยลงครับ
—–
Time Management รุ่น 7 เรียนบ่ายวันเสาร์ที่ 3 ก.พ. ยังมีทีี่ว่างอยู่ 4 ที่ครับ >> https://goo.gl/U55hAb