
แต่ถ้าเราทำผิด เราสมควรได้รับความเห็นใจ
“When someone wrongs us, we want the maximum amount of punishment. But when we do wrong, we want the maximum amount of understanding and forgiveness.”
— someone on Humans of New York
เพราะคนเรามีสามมาตรฐาน
มาตรฐานที่ใช้กับคนอื่น มาตรฐานที่ใช้กับคนใกล้ตัว และมาตรฐานที่ใช้กับตัวเอง
พอเราเห็นข่าวนักการเมืองทำไม่ดี เราจึงไม่รีรอที่จะตำหนิ แต่พอเราทำไม่ดีบ้าง เราจะบอกตัวเองว่า “ใครๆ เขาก็ทำกัน”
ปีที่ผ่านมา เราเห็นผู้นำชุมนุมทางการเมืองของหลายฝ่ายถูกพิพากษาว่าทำความผิด ต้องชดใช้ค่าเส่ียหายทั้งในด้านตัวเงินและอิสรภาพ
ถ้าเราฝักใฝ่ฝ่ายใด เราจะมองว่ามันเป็นเรื่องสมควรแล้วที่อีกฝ่ายได้รับการลงโทษ แต่การที่ฝ่ายเราต้องโดนลงโทษด้วยนั้นเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมเลย เพราะเราสู้เพื่อความถูกต้อง
แต่ทุกคนก็คิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องทั้งนั้น
และถึงจะรู้ตัวว่ามันไม่ค่อยถูกต้อง เราก็ยังหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของเราได้อยู่ดี
“When someone wrongs us, we want the maximum amount of punishment. But when we do wrong, we want the maximum amount of understanding and forgiveness.”
ถ้านิทานเรื่องนี้พอจะสอนอะไรได้บ้าง ก็คงเป็นความตระหนักที่ว่าเรามักจะเข้มงวดกับคนอื่นและผ่อนปรนกับตัวเองเสมอ
ครั้งหน้าถ้าเจอใครทำอะไรไม่ถูกต้องอีก ก่อนจะเอ่ยคำประณาม ลองใช้โอกาสนี้กลับมาสำรวจตัวเองก็น่าจะดีนะครับ



