นิทานชิสุ

20160310_shitzu

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

ณ โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง

“ปีโป้” หมาพันธุ์ชิสุ กำลังป่วยหนักจากโรคลิ้นหัวใจอักเสบ

ปีโป้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของน้องเชน เด็กชายวัย 6 ขวบ

คุณหมอบอกพ่อแม่ของน้องเชนว่า ปีโป้น่าจะอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่กล้าบอกน้องเชนเพราะกลัวว่าจะทำใจไม่ได้ ได้แต่ตัดสินใจปล่อยให้น้องเชนอยู่กับปีโป้นานเท่าที่น้องเชนต้องการ

เวลาสามทุ่มกว่า ปีโป้ก็จากไปจริงๆ โดยมีน้องเชนนั่งอยู่ข้างๆ คอยลูบหัวและกล่าวคำอำลา

พ่อ: (บีบมือภรรยา) “ไปดีนะปีโป้”

แม่: (น้ำตาไหล) “แย่จังเลยนะคะที่หมาอายุสั้นกว่าคนขนาดนี้”

น้องเชน: (เงียบอยู่ครู่นึง ตายังมองร่างไร้วิญญาณ และมือยังลูบหัวปีโป้อยู่) “ผมรู้ครับว่าทำไม”

พ่อ: “รู้อะไรนะครับเชน?”

น้องเชน: “รู้ว่าทำไมหมาถึงอายุสั้นกว่าคนครับ”

แม่: “ทำไมล่ะครับ”

น้องเชน: “แม่เคยสอนผมว่า โลกนี้คือโรงเรียน และเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้การมีชีวิตที่ดี เช่นรักคนอื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข และทำตัวให้เป็นที่รักถูกมั้ยครับ…”

แม่: “ใช่ครับ”

น้องเชน: “ผมว่าปีโป้เค้ารู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องอยู่นานเท่าพวกเราครับ”

—–

ขอบคุณนิทานจาก Quora: Mike Schoultz’s answer to What are some nice, beautiful stories? 

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

 

รอไม่ได้

20160309_cantwait

ในโลคยุคใหม่ที่ให้ค่ากับการคิดไวทำไว ทักษะหนึ่งที่เรากำลังเสียไปคือความอดทนรอ

รอความสำเร็จไม่ได้ เลยล้มเลิกไปเสียก่อน

รอให้มีเงินเก็บจ่ายดาวน์บ้านไม่ได้ เลยกู้เต็มพิกัด

รอมือถือเครื่องเดิมให้เจ๊งไม่ได้ เลยต้องซื้อเครื่องใหม่ทุกปี

รอให้รวยอย่างช้าๆ ไม่ได้ เลยมองหาทางลัด (โปรดอ่านก่อนทำ MLM)

ผมเองก็เป็นโรค “รอไม่ได้” ระดับหนึ่งเหมือนกัน เพราะเขียนบล็อกมาได้แค่ปีนิดๆ มีคนไลค์เพจหกพันกว่า ซึ่งก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมเพจเราโตช้าจัง บางเพจเปิดมาไม่กี่เดือนก็มีคนไลค์เป็นหมื่นเป็นแสนแล้ว

จนวันนี้ได้อ่านบทความเรื่อง Anything worth doing takes years

Jon Westenberg ผู้เขียนบทความนี้บอกว่า

“I never start anything that I’m not prepared to commit 5 years of my life to.”

เขาจะไม่ลงมือทำโปรเจ็คอะไรถ้าหากเขาไม่พร้อมที่จะให้เวลากับมันอย่างน้อย 5 ปี

และจอนยังพูดถึงวง Greenday ที่โด่งดังเป็นพลุแตกในปี 1994 จากอัลบั้ม Dookie ที่มีเพลงดังๆ อย่าง Basket Case และ When I come around

น้อยคนนักที่จะรู้ว่า Dookie คืออัลบั้มที่สามของวงนี้แล้ว (ผมเองยังเข้าใจผิดนึกว่าเป็นอัลบั้มแรกมาโดยตลอด)

ก่อนหน้านี้  กรีนเดย์ต้องไปเล่นดนตรีตามผับและที่มีแต่คนเมาและไม่มีใครสนใจฟังเพลงของพวกเขาอยู่ถึง 8 ปี กว่าจะได้ออกอัลบั้ม Dookie และ “ประสบความสำเร็จชั่วข้ามคืน” (overnight success)

Overnight success นั้นอาจเป็นแค่นิยาย

เพราะ anything worth doing takes years – อะไรก็ตามที่มีคุณค่าและมีความหมายนั้น ย่อมใช้เวลายาวนานเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างการมีหุ่นที่ดีและมีสุขภาพที่ดี

หรือเรื่องที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่างการสร้างธุรกิจ

หรือเรื่องที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดอย่างการปฏิรูปประเทศ

ธรรมชาตินั้นมีจังหวะจะโคนของมัน แต่มนุษย์เรานี่แหละที่อะไรๆ ก็แสวงหาทางลัดตลอด

หากเปรียบความสำเร็จเป็นมะม่วงสุกอันหอมหวาน

คนบางคนรอให้มะม่วงสุกไม่ไหว เลยเอามันไปบ่มแก๊ส

ผมเองก็ไม่ค่อยอยากรอหรอกนะ

แต่ยังไงๆ มะม่วงบ่มแก๊สมันก็อร่อยสู้มะม่วงที่สุกตามธรรมชาติไม่ได้จริงๆ

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

ขอบคุณแรงบันดาลใจจาก Medium: Anything worth doing takes years by Jon Westenberg

ก่อนเช้าจะหนาวสุด

20160308_BeforeDawn

สมัยเรียนอยู่นิวซีแลนด์ มีครอบครัวชาวนิวซีแลนด์ครอบครัวหนึ่งที่ผมสนิทมาก

เพื่อนชื่อปีเตอร์ เล่นกีตาร์กับฟุตบอลด้วยกัน พี่ชายของปีเตอร์ที่ชื่อทิมก็เตะบอลทีมเดียวกัน ส่วนพ่อของทั้งคู่ชื่อจอห์น (แต่ผมเรียกว่ามิสเตอร์แชน่อน) ก็เป็นโค้ชฟุตบอลทีมโรงเรียนและเป็นอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์กับวิชาบัญชี

ฟุตบอลไม่ใช่กีฬายอดนิยมในนิวซีแลนด์ การจะได้ดูเกมถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีจึงลืมไปได้เลย ต้องดูผ่านเคเบิ้ลทีวีเท่านั้น และบ้านผมก็ไม่มีเคเบิ้ลทีวี แต่บ้านมิสเตอร์แชน่อนมี ผมเลยปั่นจักรยานไปดูบอลบ้านเขาอยู่บ่อยครั้ง

และมีอย่างน้อยสามครั้งที่ผมไปดูบอลที่บ้านเขาตอนตีสี่ครึ่ง!

เมืองเทมูก้าที่ผมอยู่นั้น ตอนกลางวันอุณหภูมิอยู่ที่สิบกว่าองศา ส่วนตอนกลางคืนก็ใกล้ๆ ศูนย์

ผมต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ ก่อนจะออกจากบ้านต้องเตรียมตัวให้ดี ใส่เสื้ออย่างน้อยสามชั้นตามด้วยเสื้อแจ๊กเก็ตตัวหนาและถุงมือไหมพรม แต่ก็ไม่วายยังรู้สึกหนาวอยู่ดี

ไปถึงบ้านนั้น มิสเตอร์แชน่อนก็ถามว่า เป็นไง สนุกมั้ย ปั่นจักรยานตัวคนเดียวตอนตีสี่ครึ่ง

ผมบอกว่าสนุกดี แต่หนาวชะมัด

มิสเตอร์แชน่อนก็บอกผมว่า รู้หรือเปล่า ว่าอากาศจะหนาวที่สุด และจะมืดที่สุดตอนใกล้รุ่งนี่แหละ (it gets darkest and coldest just before dawn)

ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง และจะว่าไปก็เป็นเกร็ดความรู้ที่ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นักกับคนที่อยู่เมืองร้อนอย่างผม

แต่ก็น่าแปลกที่ผมดันจำคำพูดนี้ของมิสเตอร์แชน่อนได้ แม้เวลาจะผ่านมายี่สิบปีแล้ว

หรือเป็นเพราะว่า มันสอดคล้องกับชีวิตของคนเรา?

เวลาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก มันเหมือนจะยาวนานและยากขึ้นเรื่อยๆ

จนถึงจุดที่เราแทบจะทนไม่ไหวแล้วนั่นแหละ มันถึงจะดีขึ้น

คำพูดของมิสเตอร์แชน่อน ทำให้ผมนึกถึงคำคมฝรั่งอีกประโยค

“If you are going through hell, keep going”

ถ้าคุณกำลังเดินอยู่ในนรก จงเดินต่อไป

– Winston Churchill

ถ้าความสำเร็จคือรุ่งสาง และนรกคือค่ำคืนอันหนาวเหน็บที่เราไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่

สิ่งเดียวที่เราทำได้ (และควรทำ) คือเดินไปต่อเรื่อยๆ

พ้นจุดที่มืดที่สุดและหนาวที่สุดได้เมื่อไหร่ รุ่งเช้าก็จะมาถึงแน่นอนครับ

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

สองประโยคเตือนใจ

20160308_two

I could be wrong – เราอาจจะผิดก็ได้

และ

It’s going to be OK – เดี๋ยวมันก็โอเค

ผมรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ มักมาจากสองสาเหตุ

สาเหตุแรกคือมั่นใจว่าตัวเองถูก เราจึงอยากเอาชนะ และยอมใช้พลังงานมากมายไปกับการถกเถียง ไม่ว่าจกับแฟน กับพ่อแม่ กับเพื่อน หรือแม้กระทั่งกับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์

สาเหตุที่สอง คือไม่อยู่กับปัจจุบัน ถ้าไม่เจ็บใจกับความผิดพลาดในอดีต ก็กังวลถึงสิ่งที่จะตามมาในอนาคต

สาเหตุแรกทำให้ผมทะเลาะกับคนอื่น

สาเหตุที่สองทำให้ผมทะเลาะกับตัวเอง

ถ้าระหว่างที่กำลังทะเลาะอยู่ ประโยค I could be wrong หรือ It’s going to be OK มันผุดขึ้นมาบ้าง ก็คงจะช่วยเตือนสติได้ไม่น้อย

จะได้ไม่เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องครับ

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

 

เงินเดือน 2 หมื่นก็เก็บเงินถึง 10 ล้านได้

20160307_10Million

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่รู้สึกว่าดีมากจนอยากเอามาเขียนลงในบล็อกนี้

หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “การเงิน การลงทุน เล่มนี้ง่ายดี” จากสำนักพิมพ์ “พราว”

พร้อมคำโปรยที่ว่า “ทำเงินเป็น 10 ล้าน ด้วยวิธีที่เราทำได้ และใครๆ ก็ทำได้”

เขียนโดยเจ้าของเพจ “ลงทุน หุ้น การเงิน Tactschool ส่งต่อความรู้ทางการเงิน” (ดูจากคอมเม้นท์แล้วน่าจะชื่อว่าคุณแทคนะครับ)

ราคาเล่มละ 200 บาท อาจจะดูราคาสูงนิดหนึ่งเพราะเขาพิมพ์สี่สี แต่ถ้าได้อ่านจนจบเล่มผมเชื่อว่ามันจะคุ้มค่ามากๆ โดยเฉพาะถ้าคุณเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานมาไม่กี่ปีครับ

ขนาดผมเองทำงานมาสิบกว่าปี ยังรู้สึกว่าคุ้มมากๆ เลย แต่เผอิญแต่ก่อนผมเองไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องวางแผนทางการเงินเท่าไหร่ ก็เลยได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างเยอะทีเดียว

แค่เปิดคำนำมาก็โดนแล้วครับ

หนังสือสอนวางแผนการเงินจำนวนมากเขียนเข้าใจยาก

เขียนอะไรก็ไม่รู้ ทำยาก ยาว เยอะ

และพอจะทำก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

บอกแต่ว่าถ้าได้ผลตอบแทนปีละเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์จะมีเงินเท่าไร

แต่ไม่บอกว่าจะไปหาผลตอบแทนแบบนั้นที่ไหน

บอกว่าต้องลงทุนแต่กลับไม่บอกวิธีการลงทุนเลย

หรือถ้าบอกก็อาจจะทำได้ยากมาก สำหรับคนที่มีเงินเก็บเดือนละไม่กี่พัน

หรือกู้เงินธนาคารไม่ได้ จะซื้ออสังหาฯ ได้เดือนละกี่หลัง?

หนังสือเล่มนี้บอกทั้งวิธีการลงทุน และหาการลงทุนที่เหมาะกับคนทั่วไป

การลงทุนที่หักภาษีได้กระจุยกระจาย จนคุณแทบไม่ต้องจ่ายภาษี

จำนวนประกันที่เหมาะกับเรา การวางแผนทางการเงิน

และที่สำคัญมันทำได้จริง

– TactSchool ส่งต่อความรู้ทางการเงิน 

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า คนเขียนคนนี้มันเก๋าว่ะ คือแม้ข้อมูลอาจจะไม่ได้ล้ำลึกอะไร แต่สไตล์การเขียนและคำถามที่เขาตั้งขึ้นมาตลอดเล่มมันคือคำถามที่อยู่ในใจของมนุษย์เงินเดือนหลายๆ คน รวมถึงผมด้วย

เป็นหนังสือที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดเล่มหนึ่งที่ผมเคยอ่านมาเลยก็ว่าได้

ประเด็นสำคัญที่สุดที่หนังสือเล่มนี้ชูขึ้นมาคือ ใครๆ ก็มีเงินเก็บ 10 ล้านได้

ผมทำไฟล์ Google Sheets ไว้ให้นะครับ คลิ้กเข้าไปดูได้เลย 

(ถ้าเปิดจากคอมพิวเตอร์ก็สามารถดาวน์โหลดได้โดยไปที่ File -> Download As… นะครับ)

ไฟล์นี้ผมลองสร้างขึ้นมาเอง หลังจากอ่านในหน้า 152 ของหนังสือ ที่โชว์ให้เห็นกันจะๆ ว่าเงินเดือน 20,000 ก็มีเงินเก็บถึง 10 ล้านได้

โดยสมมติฐานมีดังนี้ครับ

1. ตอนนี้คุณอายุ 25 ปี และมีเงินเดือน 20,000 บาท

2. เงินเดือนคุณขึ้นปีละ 5% ทุกปี จนพอคุณอายุ 55 ปี คุณจะมีเงินเดือน 86,439 บาท

3. คุณแบ่งรายได้ 15% ของเงินเดือนไปลงทุนใน LTF

4. LTF ที่คุณเลือกให้ผลตอบแทนทบต้น 10% (LTF = Long Term Fund = กองทุนรวมที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยซื้อได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ และต้องถือไว้อย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน (ตามกฎหมายใหม่)

ข้อหนึ่งน่าจะเป็นไปได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่จบปริญญาตรีมาก็ได้เงินดือน 15,000 บาทเป็นอย่างน้อยแล้ว

ข้อสองอาจจะยากนิดนึง เพราะนั่นแสดงว่าเราต้องตั้งใจทำงานให้ดี และต้องอยู่บริษัทที่รู้คุณค่าคนที่มีผลงานดีด้วย แต่ตัวเลขเงินเดือน 86,439 บาทภายในอายุ 55 ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะเดี๋ยวนี้บางคนอายุไม่ถึง 40 ปีก็ได้เงินเดือนประมาณนี้กันแล้ว

ข้อสามอาจจะยากที่สุด เพราะเป็นเรื่องของความมีวินัย ยิ่งพอเราโตขึ้น เงินเดือนมากขึ้น แต่งงาน ซื้อบ้าน มีลูก ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอย่างนึกไม่ถึง ถ้าเราสามารถบังคับตัวเองด้วยการซื้อ LTF ผ่านการหักบัญชีทุกเดือนไปเลย ก็น่าจะช่วยได้ไม่น้อย

ส่วนข้อสุดท้าย ผลตอบแทน 10% ถือเป็นเรื่องของฟ้าดิน เพราะอนาคตอีก 30 ปีเราไม่รู้หรอกว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าอ้างอิงจากผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนทบต้น 10% เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และถือเป็นการลงทุนผลตอบแทนสูงมากเมื่อคำนึงว่าแทบไม่ต้องใช้แรงกาย แรงสมอง หรือเวลาเลย

ถ้าอยากลองปรับตัวเลขดู เช่นซื้อ LTF แค่ 10% ของเงินเดือน หรือได้ผลตอบแทนทบต้นแค่ปีละ 5% ก็ลองแก้ในช่องสีเหลืองได้เลยครับ (ต้องดาวน์โหลดมาเปิดในเครื่องนะครับ)

10Million

สำหรับคนที่ไม่ค่อยเก่งเลข ผมขออธิบายวิธีการคำนวณนิดหนึ่ง

ถ้าปี 2559 เราซื้อ LTF 100 บาท และ LTF ให้ผลตอบแทน 10%

ปี 2560 LTF ที่เราซื้อไว้จะมีมูลค่าเท่ากับ (1+0.1)* 100 = 110 บาท

ซึ่ง 0.1 ก็คีอผลตอบแทน 10% นั่นเอง

ปี 2561 LTF จะเพิ่มมูลค่าเป็น 1.1*110 = 122 บาท

ปี 2562 LTF จะเพิ่มมูลค่าเป็น 1.1*122 = 134.2 บาท

หรือเขียนในอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ (1.1)^3 * 100 = 134.2 บาท

^3 แปลว่ายกกำลังสาม

หรือคิดเป็นสูตรง่ายๆ ก็คือเอา 1.1 ยกกำลังจำนวนปีคูณด้วยเงินต้น

ในแถวแรกของตาราง อายุ 25 เงินเดือน 20,000 ซื้อ LTF 3,000 บาท ถือไปจนถึงอายุ 55 (30 ปี)

ดังนั้นมูลค่า 3000 บาทที่เราซื้อ LTF ในปีนี้ จะเท่ากับ (1.1)^30*3,000*12 = 628,178 บาท ในอีก 30 ปีข้างหน้า

ที่คูณ 12 เพราะเราซื้อทุกเดือน ปีหนึ่งเราจึงซื้อ 12 ครั้งครับ

ส่วนใครที่อายุ 30 กว่าแล้ว ยังไม่ได้ซื้อ LTF ไว้เลยก็ไม่ต้องเสียใจไป

เพราะถ้าคุณอายุ 35 แต่หน้าที่การงานดี มีเงินเดือน 60,000 ซื้อ LTF ปีละ 15% ก็จะมีเงินเก็บเกือบ 10 ล้านบาทตอนอายุ 55 เช่นกัน

(EDIT: เพิ่มเติมหลังจากมีน้องมาคอมเม้นท์ใน Facebook) หรือถ้าคิดว่าผลตอบแทนทบต้นปีละ 10% เป็นไปได้ยากมาก ก็ลดเหลือปีละ 7% ก็ได้ครับ แต่นั่นอาจแปลว่าเราต้องขยันจนมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 8% (ถ้าเริ่มต้น 20,000 ตอนอายุ 25 ก็จะมีเงินเดือน 200,000 ตอนอายุ 55) ด้วยวิธีนี้เราก็จะมีเงินเก็บเกือบ 10 ล้านบาทเหมือนกัน

พอมีเงินเก็บ 10 ล้านบาท ถ้าเราเอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ผลตอบแทนปีละ 5% ก็จะมีเงินใช้ปีละ 500,000 หรือประมาณเดือนละ 40,000 บาท* ไปตลอดชีวิต พอเราไม่อยู่แล้ว เงิน 10 ล้านก็จะเป็นมรดกสำหรับลูกหลานครับ

อ่านแล้วฮึกเหิมขึ้นมาบ้างรึยังครับ?

ยังมีเนื้อหาดีๆ ในหนังสือเล่มนี้อีกเยอะ เช่นจะเลือก LTF ยังไง จะซื้อประกันชีวิตเท่าไหร่ จะลดภาษียังไงให้ได้มากที่สุด

ขอบคุณ TactShool ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา จะขอติดตามผลงานอื่นๆ ของคุณต่อไปนะครับ


* ถ้าเงินเฟ้อปีละ 3% เงิน 40,000 บาทในอีก 30 ปีข้างหน้า จะมีมูลค่าเท่ากับ 16,500 บาทในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าไม่มาก แต่ถ้าไม่มีหนี้สินก็อยู่ได้สบายๆ และถ้าดูตารางดีๆ จะเห็นว่าเราเก็บเงินมากสุดแค่เดือนละ 12,966 บาทเท่านั้น แต่มีใช้เดือนละ 16500 บาทไปตลอด และถ้าเราอยากอู้ฟู่กว่านี้ จะเอาเงินต้น 10 ล้านมาใช้บ้างก็ได้ เหลือมรดกให้ลูกน้อยหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง


ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือการเงิน การลงทุน เล่มนี้ง่ายดี, TactSchool 

12507152_1237057622990749_3280039539741851651_n

 

(UPDATE 11 Aug 2017) หากคุณเป็นคนที่ชอบ “เล่นเกมยาว” และเบื่อหนังสือประเภท รวยเร็ว รวยลัด ฯลฯ อยากจะบอกว่าหนังสือ  Thank God It’s Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ ของผมวางแผงแล้วที่ซีเอ็ด นายอินทร์ B2S และศูนย์หนังสือจุฬานะครับ! >> bit.ly/tgimannounce

TGIM_HardCopies