วันที่ไร้ฮีโร่

20160326_NoHero

“เด็กรุ่นใหม่เขาไม่ได้ต้องการฮีโร่แล้ว เขาอยากเป็นฮีโร่เสียเองมากกว่า เขาอยากจะถ่ายตัวเองลงยูทบก็ได้ ดังนั้นไม่ใช่อินเตอร์เน็ตเข้ามาแล้วอุตสาหกรรมเปลี่ยน แต่เด็กสมัยนี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ผมรู้เพราะผมมีลูกชายว้ย 21 ปี เขาไม่คลั่งไคล้ศิลปินคนใดคนหนึ่งเหมือนรุ่นเราอีกแล้ว…

…อย่างสมัยก่อนผมออกเทปผมแข่งกับแกรมมี่และอาร์เอส สมัยนี้ผมต้องแข่งกับ Cony and Brown, ผู้หญิงแก้ผ้าถ่ายรูปโชว์นม, เด็กกินไก่ทอด เป็นการแข่งขันว่าใครจะเรียกความสนใจของผู้บริโภคได้มากกว่ากัน แล้วไม่มีใครพูดถึงมุมนี้เลยนะ แต่ผมอยู่กับลูกชาย ผมเห็น กูไม่ต้องการร็อคสตาร์มาเป็นฮีโร่ กูนี่แหละจะเป็นร็อคสตาร์เอง…

…เราโชคดีที่เกิดมาในยุคที่มีแฟนเพลง พวกผมยังสามารถไปเล่นคอนเสิร์ตที่อิมแพ็ก อารีนา แล้วคนเต็มได้ เรามีฐานแฟนเพลงที่สร้างมาตลอด 20 ปี พวกรุ่นเก่าจะยังอยู่ได้ แต่พวกรุ่นใหม่จะทำยังไง แล้วคำถามก็คือว่า อีกสิบปีข้างหน้าเราจะไปดูใคร หรือลองสังเกตดูว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา เวลาเราไปดูเทศกาลดนตรีต่างๆ วงปิดก็ยังเป็น Bodyslam เป็น Moderndog อยู่ดี คือเราไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่ดีนะ แต่มันผ่านมา 10 ปีแล้ว ทำไมยังไม่มีใครขึ้นมาแทนพวกเขาเหล่านี้ได้ คือไม่มีซูเปอร์สตาร์ใหม่ๆ ขึ้นมาเลย แล้วธุรกิจนี้มันอยู่ได้ด้วยซูเปอร์สตาร์”

– สุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์
a day BULLETIN issue 400
21-27 March 2016
เรื่อง: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม, เอกพล บรรลือ
ภาพ: ภาสกร ธวัชราตรี

ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่อายุสามสิบกว่าๆ

เพราะนั่นแปลว่าผมโตมาในยุคที่แกรมมี่และอาร์เอสครองเมือง

สองค่ายนี้จะแลกหมัดกันตลอด และสร้างนักร้องที่เป็นคู่มวยที่เหมาะเจาะมาก

เจ เจตริน ปะทะกับ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง

มอส ปฏิภาณ ปะทะกับ เต๋า สมชาย เข็มกลัด

UHT ปะทะ ลิฟท์กับออย

ผมเองแอบเชียร์แกรมมี่ แต่ก็ฟังทั้งสองค่าย และก็แอบเจ็บใจที่อาร์เอสมักจะมาที่หลังดังกว่า

นอกจากนี้ ผมยังยอมนอนดึกเพื่อจะรอดูรายการเพลงของสองค่ายนี้เปิดตัวมิวสิควีดีโอใหม่ๆ

การได้เป็นคนแรกๆ ที่ได้ดูมิวสิค “พริกขี้หนู” ของพี่เบิร์ด ธงไชย หรือ หรือเพลง “ยุงน่า” ของพี่เจ เจตริน เป็นอะไรที่เท่ชะมัด

ย้อนกลับมาพ.ศ.นี้ ผมไม่มีศิลปินคนไหนให้รอคอยเลย และยากมากที่จะมีนักร้องหรือวงดนตรีเกิดใหม่ที่จะโด่งดังได้ในระดับพี่เบิร์ด ธงไชยหรือวงบอดี้แสลมได้อีก จะเหลือก็คงแค่ดารานักแสดงหรือเน็ตไอดอลที่มาไวไปไว

—–

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของเด็กผู้ชายรุ่นผม คือการได้โตมากับการแกะไลน์กีต้าร์เพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเพลงบุษบาของวงโมเดิร์นด๊อก เพลงที่ว่างของวงพอส หรือเพลงรักคงยังไม่พอของเสือ ธนพล

ยิ่งถ้ามองไปเมืองนอก ช่วงยุค 90’s นี่วงดนตรีร็อคกำลังเฟื่องฟูสุดๆ

อัลบั้มที่หล่อหลอมผมช่วงวัยรุ่นได้แก่

Nirvana – Nevermind
Metallica – Metallica (ปกดำ)
Radiohead – The Bends
The Smashing Pumpkins – Siamese Twins
Oasis – (What’s the story) Morning Glory
Blur – The Great Escape
Bon Jovi – Cross Road
Guns N’ Roses – Use Your Illusion I & II
Green Day – Dookie
Stone Temple Pilots – Purple

การได้เปิดเทปหรือซีดีวงดนตรีเหล่านี้ และค่อยๆ นั่งฟังเพลงทีละเพลงอย่างตั้งใจ ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นอะไรที่มีความสุขมาก

ความสุขแบบนี้ เด็กรุ่นใหม่คงไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้ว เพราะเขาจะเปิด Youtube หรือดาวน์โหลดเฉพาะเพลงที่อยากฟังเท่านั้น คนที่จะซื้อซีดีมาฟังรวดเดียวสิบสองเพลงคงจะเหลือน้อยเต็มที แถมดนตรีร็อคก็ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนแล้ว จะให้มาแกะกีตาร์เพลงของ Taylor Swift หรือ Maroon 5 มันก็ไม่มีทางจะฟินเท่า

“เด็กรุ่นใหม่เขาไม่ได้ต้องการฮีโร่แล้ว เขาอยากเป็นฮีโร่เสียเองมากกว่า”

ต้องขอบคุณอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ที่เปิดทางให้ใครขึ้นมาเป็นฮีโร่ก็ได้

แต่ก็อดใจหายแทนเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้ ที่เขาจะไม่มีฮีโร่ให้คลั่งไคล้เหมือนอย่างที่ผมเคยมีอีกแล้ว

—–

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก a day BULLETIN issue 400

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

นิทานรอยเท้าบนหาดทราย

20160324_Footprints

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

—–

ค่ำคืนหนึ่งฉันฝันว่ากำลังเดินอยู่บนหาดทรายกับพระผู้เป็นเจ้า

แล้วหลายฉากในชีวิตของฉันปรากฏขึ้นให้เห็นบนผืนฟ้า

ในแต่ละฉาก ฉันเห็นว่ามีรอยเท้าอยู่บนหาดทราย

บางทีก็มีรอยเท้าสองคู่ และบางทีก็มีรอยเท้าคู่เดียว

ฉันรู้สึกไม่ดี เพราะฉันสังเกตเห็นว่าในช่วงที่ชีวิตตกต่ำ ในวันที่ฉันปวดร้าว เศร้าหมอง และพ่ายแพ้ ในวันเหล่านั้นฉันเห็นรอยเท้าเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น

ฉันเลยเอ่ยถามพระเจ้าว่า

“ท่านเคยให้สัจจะกับข้าไว้ ว่าถ้าหากข้าติดตามท่าน ท่านจะเดินไปกับข้าเสมอ

แต่ข้ากลับเห็นว่า ในช่วงที่ยากลำบากที่สุด กลับมีรอยเท้าเพียงคู่เดียวเท่านั้น

เหตุใด ในวันที่ข้าต้องการท่านที่สุด ท่านถึงทิ้งข้าไว้คนเดียว?”

พระเจ้าตอบว่า

“วันที่เจ้าเห็นรอยเท้าเพียงคู่เดียว คือวันที่ข้าอุ้มเจ้ายังไงล่ะ”

—–

ขอบคุณนิทานรอยเท้าบนหาดทรายจาก Mary Stevenson แต่งเมื่อปี 1936

ผมได้อ่านนิทานเรื่องนี้ครั้งแรก จากแผ่นแม็กเน็ตติดตู้เย็นในบ้านที่ผมเคยอยู่สมัยเรียนม.ปลายที่นิวซีแลนด์ครับ

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

—–

ขอบคุณภาพจาก Pexels.com

เป้าหมายไม่ได้มีไว้พุ่งชน

20160323_Goals

“A goal is not always meant to be reached, it often serves simply as something to aim at.”

เป้าหมายอาจไม่ใช่สิ่งที่ต้องคว้ามาให้ได้ตลอด หลายครั้งเป้าหมายมีไว้เพียงให้เราเล็งไปเท่านั้น

– Bruce Lee

ระยะหลังนี้ผมอ่านเจอบ่อยมากว่า Goals are for losers

สมมติเราตั้งเป้าว่าจะลดน้ำหนัก 10 กิโล จากนี้ไปทุกๆ วันเราจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น failure / loser จนกว่าจะถึงวันที่เราลดน้ำหนักได้ตามเป้า

แต่ถ้าเราไม่ได้มองว่าเป้าหมายมีไว้เพื่อไปให้ถึงหรือคว้ามาให้ได้ แต่เป้าหมายมีไว้เป็นเครื่องช่วยนำทางล่ะ?

เปรียบเป้าหมายเป็นดาวเหนือ ที่ไปไม่ถึงหรอก แต่บอกเราได้ว่ากำลังเคลื่อนที่ไปในเส้นทางที่ถูกต้องรึเปล่า

ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่อย่างน้อยเรารู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว

เราก็จะเป็นคนที่ชัดเจนกับการใช้ชีวิต แต่ไม่เครียดเกินไปกับการไปให้ถึงเป้าหมายครับ

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

—–

ขอบคุณภาพจาก Pexels.com

เราไม่ได้มีเวลาน้อยเกินไป

20160322_LittleTime

สิ่งที่เรามีน้อยเกินไปคือความอดทนต่างหาก

อดทนที่หนึ่งคืออดทนต่อสิ่งเร้า

ยุคนี้เรามีอะไรต่อมิอะไรมาทำให้เราว่อกแว่กยิ่งกว่ายุคไหนๆ อีเมล์ก็ต้องเช็ค เฟซบุ๊คก็ต้องส่อง ไลน์ก็ต้องเมาท์ อินสตาแกรมก็ต้องดู

จึงไม่แปลกที่เวลาของเราน้อยลง เพราะมันไหลไปอยู่กับสิ่งเร้าเหล่านี้

อดทนที่สองคืออดทนกับการรอคอย

เดี๋ยวนี้ อะไรๆ เราก็รอไม่ได้แล้ว คิดอะไรก็อยากได้สิ่งนั้นให้เร็วที่สุด

อยากรวยไวๆ อยากเป็นผู้บริหารไวๆ อยากได้หมื่นไลค์ไวๆ อยากผ่อนบ้านหมดไวๆ อยากเกษียณไวๆ

เมื่ออยากสำเร็จไวๆ ก็เลยต้องใช้ชีวิตไวๆ

ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้เราแก่ไวๆ และตายไวๆ ด้วย

ไม่ได้จะมาตีฆ้องร้องป่าวให้ใช้ชีวิต slow life และทำงานเช้าชามเย็นชามนะครับ

เพียงแต่อยากจะชี้ว่า ที่เราบ่นๆ ว่าเวลาเรามีไม่พอนั้น เป็นปัญหาที่เราสร้างขึ้นมาเองแทบทั้งนั้น

เมื่อเราสร้างเองได้ เราก็แก้เองได้

เวลาควรจะมีมากพอ หรืออย่างน้อยก็ควรจะมีมากขึ้น ถ้าเรามีความอดทนมากกว่านี้ครับ

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

—–

ขอบคุณภาพจาก Pexels.com

วิธีบอกข่าวร้ายกับหัวหน้า

20160321_BadNews

ใช่ว่าทุกวันจะเป็นวันดีๆ

งานบางชิ้นอาจเสร็จไม่ทัน ลูกค้าอาจยกเลิกออเดอร์ สินค้าที่เพิ่งเปิดตัวอาจขายไม่ได้

และถ้าเราเองเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบปัญหานั้น สิ่งที่เราหวาดกลัวมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการนำข่าวร้ายไปบอกเจ้านาย

ผมเพิ่งได้อ่านบทความของ Jack Welch อดีต CEO ของ General Electric (GE) ที่ว่าด้วยเรื่องนี้เลย – How to break bad news to your boss 

แจ๊คมีข้อแนะนำดังต่อไปนี้

  1. เป็นหน้าที่ของหัวหน้าที่ต้องรับรู้และช่วยแก้ปัญหาอยู่แล้ว
  2. ถ้าอะไรทำท่าไม่ดี อย่าปกปิด รีบบอกเสียแต่เนิ่นๆ
  3. เวลาบอก อย่าแค่บอกเฉยๆ แต่แนะนำวิธีการแก้ปัญหาด้วย

แจ๊คเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่ง สมัยที่เขาเป็นวิศวกรพลาสติก (plastic engineer) แจ๊คได้ทำการทดลองผิดพลาดจนเกิดการระเบิดในโรงงานของ GE หลังคาพังพินาศ และกระจกทุกบานในชั้นนั้นแตกกระจาย เดชะบุญที่ไม่มีใครบาดเจ็บ

แจ๊คถูกเรียกตัวให้ไปที่สำนักงานใหญ่ และคิดว่าคงถูกไล่ออกแน่ๆ แต่ Charlie Reed ผู้บริหารที่เรียกเขาไปคุยด้วยกลับมองว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สอนบทเรียนสำคัญให้กับเด็กหนุ่มอย่างแจ๊ค

ชาร์ลีค่อยๆ ถามแจ๊คว่า การระเบิดเกิดมาจากสาเหตุอะไร มีอะไรที่จะพอช่วยป้องกันได้บ้าง และโรงงงานต้องมีการปรับปรุงยังไงเพื่อไม่ให้มีการระเบิดเกิดขึ้นอีก

วิธีการรับมือกับ “หายนะ” ที่เกิดขึ้นของชาร์ลีนี่เท่ระเบิดจนแจ๊คยังจดจำมาถึงทุกวันนี้

ในฐานะคนทำงาน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เราจะต้องเจอปัญหา และช้างตายทั้งตัวจะเอาใบบัวใหญ่แค่ไหนมาปิดก็ไม่มิด

ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการยืดอกรับผิดชอบ เดินเข้าไปหาเจ้านายของคุณ และนั่งคุยกันยาวๆ เพื่อหาทางออกและหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำร้อยอีกครับ

—–

ขอบคุณข้อมูลจาก LinkedIn Pulse: How to break bad news to your boss 

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

—–

ขอบคุณภาพจาก Pexels.com