
วันนี้เป็นวันที่สองและเป็นวันสุดท้ายของการประชุม Trust Women Conference ครับ
โดยวันนี้ธีมหลักคือเรื่องการค้ามนุษย์ (human trafficking) และแรงงานทาส (modern day slavery)
จากที่เคยบอกไปเมื่อวานว่าทั่วโลกมีคนที่ตกเป็นเหยื่อของ slavery มีถึง 36 ล้านคน
โดย 70% ของแรงงานทาสนั้นกระจุกตัวอยู่แค่ 10 ประเทศเท่านั้น
ที่หนึ่งคืออินเดีย แล้ววิทยากรก็ไล่พูดที่สอง ที่สามไปเรื่อยๆ ผมก็นั่งลุ้นว่าเขาจะไม่พูดถึงประเทศไทย
ปรากฎว่าพี่ไทยมาเป็นอันดับ 10 พอดี!
แรงงานทาสส่วนใหญ่ในเมืองไทยจะอยู่ในการประมง (fishing industry) การใช้แรงงานทาสนั้นแพร่หลายมาก จนมีคนประมาณการว่า ถ้าไม่มีแรงงานเหล่านี้ ธุรกิจประมเงในเมืองไทยอาจล้มได้เลยทีเดียว
อีกหัวข้อหนึ่งที่สนุกมากคือ Cleaning the supply chain of slave labour – การดูแลแหล่งที่มาที่ไปของสินค้าให้ปราศจากการใช้แรงงานทาส
โดยการคุยแบบ panelist มีตัวแทนจากธุรกิจใหญ่ๆ อย่างเนสท์เล่ และเทสโก้มาถกกับ NGO เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างการทำกำไรและการส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืน (ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกหน่อยเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น)
แต่ก็อีกนั่นแหละ ผู้บริโภคเองก็เคยตัวกับการอยากได้ของราคาถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเราอาจลืมไปว่ายิ่งเราได้ของถูกลงเท่าไหร่ คนผลิตก็โดนรีดไถมากขึ้นเท่านั้น
ช่วงห้าโมงเย็นคือช่วง Trust Women Actions ที่จะมีโปรเจ็คขึ้นมานำเสนอห้าโปรเจ็คและคนที่มาร่วมงานก็สามารถเลือกได้ว่าจะช่วยเหลือโปรเจ็คเหล่านี้ได้อย่างไร เช่นแชร์ข้อมูล บริจาคเงิน หรือช่วยเชื่อมโยงให้ได้พบกับคนหรือองค์กรที่จะช่วยให้โปรเจ็คเหล่านี้เกิดขึ้นได้
Trust Women Actions อาจจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในงาน Conference เลยก็ว่าได้ เพราะโฟกัสทีการกระทำมากกว่าแค่มานั่งคุยกันเสร็จแล้วก็ต่างคนต่างกลับบ้านไป
ก่อนจะจบงานมีการมอบรางวัล Trust Women Anti-Trafficking Hero ให้กับองค์กรที่หาญกล้าต่อกรกับการค้ามนุษย์
มีผู้เข้ารอบสี่องค์กร และองค์กรที่ได้รางวัลนี้ไปคือองค์กร Blue Dragon ของเวียดนาม โดยองค์กรนี้ได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ถูกหลอกไปขายบริการมาแล้วถึงสี่ร้อยกว่าราย ผมในฐานะคนบ้านใกล้เรือนเคียงก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปแสดงความยินดีกับ Van Ngoc Ta ซึ่งเป็น Chief Lawyer ให้กับองค์กรนี้
—–
งาน Trust Women Conference ช่วยให้ผมเปิดโลกทัศน์อะไรมากมาย
และประโยคหนึ่งจากการประชุมครั้งนี้ที่จะติดตัวผมไปอีกนานก็คือ
You can change the world, and if you can you must try.
เราเปลี่ยนโลกได้ และถ้าเราทำได้เราก็ต้องลองดูซักตั้งครับ
—–
ป.ล. รูปขวดน้ำที่มาประกอบอาจไม่เกี่ยวกับงาน Conference เท่าไหร่ เพียงแต่ผมเห็นว่าน่าสนใจดีที่ที่อังกฤษใช้ขวดแก้วในการใส่น้ำเปล่า ดูดีและรีไซเคิลได้ด้วย
—–
ภาพถ่ายจากมือถือผู้เขียน 18 พ.ย. 2558
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”