เราอยากรู้ใจคนอื่น เราอยากให้คนอื่นรู้ใจเรา แต่แปลกมั้ยที่เราไม่อยากรู้ใจตัวเอง?
– หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช
—–
ทุกเช้าตอนขับรถมาทำงาน ผมจะเปิด CD ของหลวงพ่อปราโมทย์ฟัง
ผมไม่ได้เป็นคนธรรมะธรรมโมอะไรหรอกนะครับ เข้าวัดน้อยมาก สวดมนต์บทพาหุงมหากาฯ ยังไม่ได้เลย
เพียงแต่ฟังท่านเทศน์แล้วเพลินดี โดยเฉพาะเวลาที่ท่านหยิบยกเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่า และสะกิดให้เราคิด
อย่างประโยคนี้เป็นต้น
“เราอยากรู้ใจคนอื่น เราอยากให้คนอื่นรู้ใจเรา แต่แปลกมั้ยที่เราไม่อยากรู้ใจตัวเอง?”
เราคาดหวังให้คนรอบตัวรู้ใจเรา ไม่ว่าจะเป็นแฟน ลูก พ่อ แม่ หัวหน้า ลูกน้อง
ขณะเดียวกันเราก็อยากรู้ใจคนอื่น โดยเฉพาะเวลาที่แฟนงอนแล้วไม่ยอมบอกว่าโกรธเราเรื่องอะไร (ใครเจอแบบผมยกมือขึ้น!)
มานั่งคิดดู ตลอดทั้งวัน เราใช้เวลาไปรู้เรื่องอื่นหมดเลย
ตอนเช้าก็รู้เรื่องสัพเพเหระผ่านการดูสรยุทธ์
ถึงออฟฟิศก็รู้เรื่องงาน (ถ้าทำงานน่ะนะ)
พักเที่ยงก็รู้เรื่องดาราด้วยการเมาธ์กับเพื่อน
ตกบ่ายกลับมารู้เรื่องงานต่อ
ตอนเย็นก็รู้เรื่องเพื่อนๆ ด้วยการเปิดดูเฟ๊ซบุ๊ค
ตอนสามทุ่มก็มาคอยลุ้นว่าพระเอกกับนางเอกจะรักกันเมื่อไหร่
แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปรู้ใจตัวล่ะครับเนี่ย?
พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่าจิตของคนเราเหมือนลิงที่ห้อยโหนโจนทะยานอยู่ในป่า พอละมือจากกิ่งหนึ่งแล้วก็ต้องหาอีกกิ่งหนึ่งจับ
การที่จิตใจเราต้องหากิ่งให้เกาะไปเรื่อยๆ ก็เพราะว่ามันเที่ยวแสวงหาความสุข
แต่ต่อให้สุขแค่ไหนเดี๋ยวก็เบื่อ เพราะไม่มีความสุขไหนที่ยั่งยืน
แทนที่เราจะเห็นความจริงตรงนี้ เรากลับกระโจนไปหากิ่งอื่นไม่หยุดหย่อนจนกลายเป็นลิงไร้บ้าน
จะดีกว่ามั้ยถ้าเราหยุดกระโจน?
เพราะบางทีความสุขอาจจะอยู่ที่โคนต้นไม้