ถาม: แล้วคิดว่าสังคมต่างจังหวัดเหมือนหรือต่างจากสังคมเมืองอย่างไร
ตอบ: อยู่ในกรุงเทพมันรู้สึกแห้งแล้งจิตใจมาก คนบีบแตรใส่กัน ขับรถแซงกัน ชีวิตคนกรุงเทพอยู่ใกล้กันมาก แต่ไม่ใกล้ชิดกันเลย อยู่คอนโดฯ ห้องติดกันแต่ไม่รู้จักกัน เรายังจำได้เลยว่าครั้งแรกที่มากรุงเทพฯ เราเคยถามพ่อว่าทำไมเมืองนี้คนดีต้องอยู่ในกรง (หัวเราะ) คือหมายถึงรั้ว เหล็กดัด เพราะเราเติบโตที่อเมริกา เราไม่เคยเห็นกรงเยอะขนาดนี้ มันมีกรง แล้วมีกำแพง แถมยังมีเศษแก้วเศษกระจกติดอยู่บนกำแพงอีก พอมองไปรอบๆ มันเหมือนทุกคนอยู่ในกรงริมถนนเต็มไปหมด
– อารียา สิริโสดา
อดีตนางสาวไทยประจำปี 2537
a day BULLETIN 100 Interview The Influencer
หน้า 15: Pop of The Town
สัมภาษณ์โดยเวสารัช โทณผลิน
—–
คุณป๊อป อารียา เป็นนางสาวไทยคนล่าสุดที่ผมเห็นหน้าและบอกชื่อได้
ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาผมไม่เคยจำชื่อนางสาวไทยคนไหนได้อีกเลย
ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณป๊อป ใน a day BULLETIN แล้วพบหลายถ้อยคำที่ชวนให้คิด จนน่าจะเอาไปเขียนเป็นบล็อกได้หลายตอนเลยทีเดียว
นี่คือตอนแรกครับ
—–
“ชีวิตคนกรุงเทพอยู่ใกล้กันมาก แต่ไม่ใกล้ชิดกันเลย อยู่คอนโดฯ ห้องติดกันแต่ไม่รู้จักกัน”
แปลกไหมที่เรามีคำว่า “เพื่อนบ้าน” แต่ไม่มีคำว่า “เพื่อนห้อง”
ครอบครัวผมเคยอยู่คอนโดร่วม 12 ปี และก็เจอสถานการณ์แบบเดียวกับที่คุณป๊อปพูดถึง คือไม่ได้รู้จักห้องข้างๆ หรือห้องไหนบนชั้นตัวเองเลย
จะว่าบ้านเราไม่มีอัธยาศัยก็ไม่ใช่เพราะช่วงที่อยู่บ้านหรือทาวน์เฮาส์ก็มีเพื่อนบ้านมาโดยตลอด
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผมพาปรายฝนกลับมาบ้านเป็นวันแรก คุณป้าจรรยาที่อยู่บ้านข้างๆ ยังทำไก่ผัดขิงมาให้หม้อใหญ่ แฟนผมมีกินบำรุงไปได้อีกหลายมื้อ
เรื่องอย่างนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลยถ้าผมยังอยู่คอนโด
หรือเพราะคอนโดมีพลังอะไรบางอย่าง ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตในอาคารไม่มีอารมณ์อยากข้องแวะกัน?
—
“เรายังจำได้เลยว่าครั้งแรกที่มากรุงเทพฯ เราเคยถามพ่อว่าทำไมเมืองนี้คนดีต้องอยู่ในกรง (หัวเราะ) คือหมายถึงรั้ว เหล็กดัด เพราะเราเติบโตที่อเมริกา เราไม่เคยเห็นกรงเยอะขนาดนี้”
ในวันทำงาน ตอนพักเที่ยงผมกับพี่ๆ มักจะไปกินข้าวกันที่ร้านป้าหยวก ซึ่งถือเป็นร้านเก่าแก่ที่คนแถวนี้รู้จักกันดี
วันหนึ่งหัวข้อที่คุยกันหลังจากกินข้าวเสร็จคือบ้านฝั่งตรงข้ามร้านป้าหยวกที่มีกำแพงสูงหลายเมตร บนรั้วยังมีเศษแก้วเศษกระจกเพื่อใครก็ตามที่คิดจะปีนเข้าบ้านโดยไม่ได้รับเชิญ
เดินไปอีกนิด ก็จะเจอบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ หลังใหญ่ไม่เท่าหลังแรก แต่กำแพงสูงพอกัน แถมยังไฮเทคกว่า เพราะแทนที่จะใช้เศษกระจกเขากลับใช้ลวดหนามและมีป้ายเตือนให้ระวังไฟฟ้าแรงสูง
เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคุกฝรั่งในหนังฮอลลีวู้ด
—–
เพื่อนในเฟซบุ๊คนั้นมีหลายระดับ
บางคนก็เป็นเพื่อนสนิท บางคนเป็นเพื่อนห่างๆ และบางคนก็ไม่รู้ว่ามาเป็นเพื่อนกับเราได้ยังไง
เรารับรู้ข่าวคราวของ “เพื่อน” เหล่านี้ผ่านทางนิวส์ฟีด รู้หมดว่ากินร้านอะไร ทำงานที่ไหน คบกับใคร ไปเที่ยวเมืองไหนในญี่ปุ่น หรือมีลูกคนแรกเมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่บางคนเราไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวเสียด้วยซ้ำ
คนเหล่านี้อาจอยู่ห่างจากเราไปหลายร้อยหลายพันกิโลเมตร แต่เรารู้เรื่องเขาหมด
แต่คนบางคนที่นั่งห่างจากเราเพียงไม่กี่เมตร เรากลับไม่รู้อะไรเลย เพียงเพราะว่ามีกำแพงกั้นอยู่
กำแพงปูนจะหนาแค่ไหนคงไม่ใช่ประเด็น หากเราไม่ก่อกำแพงในใจเรา
คนกรุงขี้เหงา เพราะสร้างกำแพงใจจนชำนาญ
และการ add friends ในเฟซบุ๊คอีกซักห้าสิบหรือร้อยคนคงไม่ช่วยให้อาการทุเลา
บางทีวิธีคลายเหงาอาจเริ่มได้ที่ในครัว
ทำไก่ผัดขิงซักจาน เดินไปฝาก “คนข้างๆ”
อาจช่วยให้ชีวิตคนกรุงไม่เคว้งคว้างเกินไปนัก
—–
ขอบคุณข้อมูลจาก a day BULLETIN 100 Interview The Influencer
ขอบคุณภาพจาก Wikimedia
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก See First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”

