เชื่อใจตัวเอง

20151121_TrustYourself

“As soon as you trust yourself, you will know how to live.”

“เมื่อใดก็ตามที่คุณไว้ใจตัวเอง เมื่อนั้นคุณจะรู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร”

– Johann Wolfgang von Goethe

เชื่อว่าเราทุกคนล้วนแต่ต้องเคยใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นมาแล้วทั้งนั้น

บ่อยครั้ง ความคาดหวังนั้นก็มาจากคนที่รักเราและเรารักที่สุดอย่างพ่อแม่ คู่ชีวิต หรือทายาท

และอีกบ่อยครั้ง ที่ความคาดหวังนั้นมาจากคนที่เราไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “สังคม”

คณะที่เราเรียน เสื้อผ้าที่เราใส่ อาหารที่เรากิน และสถานที่ที่เราไป จึงอาจไม่ได้สอดคล้องกับตัวตนของเรา 100% แต่เป็นการประณีประนอมระหว่าง “ความต้องการของเรา” กับ “ความคาดหวังของคนอื่น”

และส่วนใหญ่เราก็ยินดีจะประณีประนอมเสียด้วย เพราะเชื่อว่ามันจะช่วยให้ชีวิตรื่นรมย์และมีความสุข

ซึ่งผมว่ามันก็อาจจะจริง

เว้นเสียแต่ว่าเราประณีประนอมมากเกินไป

ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะมีเสียงที่คอยกระซิบกับเราอยู่ตลอดว่า จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร และอยากใช้ชีวิตแบบไหน

แต่ยิ่งเรามัวแต่ฟังความต้องการของคนอื่นหรือความต้องการของสังคมมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งสูญเสียความสามารถที่จะได้ยินเสียงกระซิบมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ทั้งๆ ที่มันก็อยู่ตรงนี้กับเราเสมอมา และเสมอไป

และผมก็เชื่อว่า คนเราจะมีความสุขอย่างแท้จริงได้ ก็ด้วยการฟังและทำตามเสียงกระซิบนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งหน้าที่ที่เรามีต่อคนรอบข้าง

ฟัง -> ทำ -> เชื่อ

เมื่อเราฟัง แล้วลองทำ แล้วรู้ว่ามันใช่ เราก็จะยิ่งเชื่อในเสียงกระซิบนั้น

และยิ่งเราเชื่อใจตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงนั้นก็จะยิ่งชัดขึ้น

เมื่อใจของเราเสียงดังฟังชัดแล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าชีวิตจะหลงทาง

ไม่ใช่เพราะว่าเราจะตัดสินใจถูกตลอด หรือจะทำสำเร็จตลอด

แต่เพราะรู้ว่า ถึงจะทำผิดพลาด จะหกล้ม แต่นั่นก็คือทางที่เราได้เลือกเอง และเราก็ “รู้” ด้วยว่าตัวเองจะกลับมายืนหยัดใหม่ได้อีกครั้ง

แน่นอน เรายังคงได้ยินเสียงของคนรอบข้างอยู่ แต่มันจะไม่กลบเสียงข้างในของเราอีกต่อไป

เราจะเลือกเรียนคณะนี้ เพราะเราสนใจศาสตร์และวิชาชีพ ไม่ใช่เพราะแม่บอกให้เรียน

เราจะซื้อของแบรนด์เนมมาใช้ ก็เพราะว่าเราชอบมันจริงๆ ไม่ใช่เพราะต้องการเอาไปคุยอวดใคร

เราจะแต่งงาน ก็เพราะว่าเจอคนที่เราเชื่อแล้วว่าจะดูแลกันไปได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่เพราะถูกใครกดดันว่าอายุขนาดนี้ต้องแต่งได้แล้ว

และหากเราจะลาออกจากงานประจำเพื่อทำธุรกิจส่วนตัว ก็เพราะว่าใจรัก ไม่ใช่เพราะอยากรวยเร็วๆ

เมื่อเราเชื่อใจตัวเอง ทุกการกระทำก็จะสอดคล้องกับตัวตนและคุณค่าที่เรายึดถือ

จะมีชีวิตแบบไหนทีจะรื่นรมย์ไปได้กว่านี้อีก?

—–

 

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

สบตากับความจริง

20151107_TruthSetFree

The truth will set you free, but first it will piss you off.

ความจริงจะปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระ แต่ก่อนหน้านั้นมันจะทำให้คุณเสียอารมณ์ซะก่อน

– Gloria Steinem

—–

บ่อยครั้ง ที่ผมพบว่าตัวเองไม่ค่อยกล้าสบตากับความจริง

อย่างวีดีโอที่ไปออกรายการโฮมรูมเรื่องจัดบ้านแบบคอนมาริเมื่อสองสามเดือนที่แล้ว จนบัดนี้ผมก็ยังไม่กล้าดู เพราะเขินตัวเองที่พูดเร็วและฟังไม่รู้เรื่อง

เวลาเล่นดนตรีในงานประจำปี เราจะมีอัดเสียงไว้ ผมก็ไม่ค่อยกล้าเปิดฟัง เพราะกลัวว่าตัวเองเองจะร้องเพลงเพี้ยน

หรือบางเดือนที่รายจ่ายทำท่าจะมากกว่ารายได้ ผมก็มักไม่ค่อยเตรียมตัวเรื่องเงินในบัญชีให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

มานั่งวิเคราะห์ตัวเอง ที่เราไม่กล้าเผชิญความจริงก็น่าจะเป็นเพราะมันดันขัดแย้งกับตัวตนที่เราวาดขึ้นมา ว่าเป็นคนพูดรู้เรื่อง ร้องเพลงเพราะ และมีเงินใช้ไม่ขาดมือ

หรืออีกคำอธิบายหนึ่งก็คือ ผมอาจจะพยายามหลีกเลี่ยง “ความเจ็บปวด” ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อสิ่งที่หวังไม่ตรงกับสิ่งที่เป็น

พูดง่ายๆ ก็คือขี้ขลาดนั่นเอง

สมองรู้ดีว่าการสบตากับความจริงจะทำให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์และเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง เป็นสิ่งที่เป็นคุณกับเราในระยะยาว

แต่หัวใจของเรากลับกลัวจะเจ็บปวด กลัวจะต้องอารมณ์เสีย และกลัวที่จะต้องเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเอง

เขียนบล็อกตอนนี้จบ ผมว่าจะจัดการเรื่องที่ผัดวันไว้มานานให้เรียบร้อยซะหน่อย

เพราะยังไงๆ ความจริงก็เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นอยู่แล้ว จริงมั้ยอานนทวงศ์?

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่