“If you have time to whine and complain about something then you have the time to do something about it.”
“ถ้าคุณมีเวลามานั่งคร่ำครวญกับเรื่องอะไรก็ตาม แสดงว่าคุณก็มีเวลาจัดการเรื่องนั้น”
– Anthony J. D’Angelo
ในภาษาไทย “ขี้บ่น” เป็นคำวิเศษณ์ที่ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย
แม่ยายขี้บ่น คุณลุงขี้บ่น เมียขี้บ่น หัวหน้าขี้บ่น เพื่อนขี้บ่น ฯลฯ
แสดงว่าคนไทยนี่ต้องขี้บ่นระดับนึงเลยนะ
การบ่นนั้นคล้ายกับการกังวลตรงที่ไม่ได้ก่อเกิดอะไรที่เป็นประโยชน์
แต่คนขี้กังวลก็ยังน่ารักกว่าคนขี้บ่น เพราะคนขี้กังวลมักจะเก็บความกังวลไว้กับตัวเอง แต่คนขี้บ่นมักจะพาคนอื่นเสียเวลาไปด้วย
โอเคล่ะ บางทีคนเราก็ต้องบ่นเพื่อระบายกันบ้าง
เมื่อตอนเย็นผมก็บ่นกับแฟนที่ร้านอาหารว่า ทำไมข้าวเหนียวมะม่วงที่สั่งไว้มาช้าจัง
แต่พอบ่นเสร็จแล้วก็เดินไปที่ซุ้มข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อบอกเขาว่ารออยู่นะ ซักแป๊บเขาก็เอามาส่งให้
บ่นได้ไม่เป็นไร แต่ควรทำอะไรซักอย่างกับมันด้วย
แน่นอน ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่เราบ่นมันไม่ได้แก้กันง่ายๆ เหมือนข้าวเหนียวมะม่วงมาช้า
แต่ยิ่งแก้ยากนี่แหละ ยิ่งไม่ควรจะบ่นเยอะ สู้เอาเวลาที่เรามีอยู่จำกัดไปคิดเรื่องการแก้ปัญหาจะดีกว่า
แม้จะแก้ไม่ได้ในวันนี้ อย่างน้อยก็ได้ทำอะไรที่เข้าใกล้ทางออกขึ้นอีกนิดก็ยังดี
ลงมือทำแล้ว ปัญหาอาจจะจบหรือไม่จบก็ได้
แต่ถ้าเอาแต่บ่น ปัญหามันไม่จบแน่ๆ
—–
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก See First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”

