ความเชื่อที่ว่า “เราควรทำสิ่งที่ตัวเองรัก” บางทีก็เป็นดาบสองคม
เพราะหลายครั้ง เราก็บอกไม่ได้หรอกว่าเรารักหรือไม่รักอะไรจนกว่าจะได้ใช้เวลากับมันมากพอ
ผมจึงเชื่อว่า ถ้าเรายังหนุ่มยังสาว เราควรพร้อมที่จะทำทั้งสิ่งที่ “ชอบ” และ “ไม่ชอบ”
การได้ทำงานที่ตัวเองชอบนั้น เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม
แต่การได้ทำงานที่ตัวเองไม่ชอบก็มีข้อดีอย่างน้อยสามข้อ
หนึ่ง เราจะไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด และจะชอบสิ่งที่ตัวเองถนัด แต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ วันแรกไม่มีใครถนัดหรอก แต่พรุ่งนี้จะถนัดกว่าวันนี้ และเดือนหน้าย่อมถนัดกว่าพรุ่งนี้หากเรายังไม่ด่วนยอมแพ้ไปเสียก่อน ดังนั้นหากเราทำสิ่งที่ไม่ชอบด้วยความเพียรและด้วยใจที่เป็นกลางพอ ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะชอบมันก็ได้
สอง งานที่เราไม่ชอบนั้นมักจะยาก และมักเป็นงานที่คนอื่นก็ไม่ชอบทำเช่นกัน เมื่อเป็นงานยากที่ไม่มีใครอยากทำหรือยอมทำ การที่เราอาสาที่จะทำมันออกมาให้ดี ย่อมแสดงว่าเรากำลังสร้างคุณค่าให้กับองค์กรในแบบที่น้อยคนนักจะทำได้
สาม การทำสิ่งที่เราไม่ชอบก็ถือเป็นการสร้างภูมิต้านทานอย่างหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องดี เพราะภูมิต้านทานนี้จะช่วยให้เราไม่ทุกข์ใจกับอะไรง่ายๆ
เมื่อมีภูมิต้านทาน เมื่อสร้างคุณค่า เมื่อเราสามารถมีความสุขกับสิ่งที่เราเคยไม่ชอบ เราก็จะเติบโตเป็นคนที่เพียบพร้อมในหลายๆ ด้าน และในวันนั้นเราจะมีโอกาสเลือกทำแต่สิ่งที่เราชอบเต็มไปหมด
ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นชีวิตการทำงาน อย่าเพิ่งเกี่ยงงานเลย เพราะมันคือโอกาสทองที่จะได้รู้จักตัวเองและได้พัฒนาทักษะที่หาได้ยากยิ่งในคนสมัยนี้ครับ
—-
Storytelling with Powerpoint รุ่นที่ 2 เรียนเสาร์ที่ 19 มกราคมนี้ เหลืออีก 13 ที่ ดูรายละเอียดได้ที่ http://bit.ly/tgimstory2fb
บทความวันละตอนจาก Anontawong’s Musings:
LINE: bit.ly/tgimline
Facebook: bit.ly/tgimfb
Twitter: bit.ly/tgimtwt