
เราก็คงไม่สูบบุหรี่
ถ้ากินเหล้าแก้วเดียวแล้วตับแข็ง เราก็คงเลิกกินเหล้า
ถ้ากินเค้กชิ้นเดียวแล้วอ้วน เราคงหักห้ามใจได้
ถ้าส่องเฟซบุ๊คครั้งเดียวแล้วโดนไล่ออก เราคงไม่เล่นเฟซบุ๊คเวลางาน
การที่คนเรายังคงนิสัยบางอย่างเอาไว้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ดี ก็เพราะว่าช่องว่างระหว่างการกระทำและผลลัพธ์มีมากเกินไป
สูบบุหรี่วันนี้ กว่าจะเป็นมะเร็งก็เกือบยี่สิบปีข้างหน้า กินเหล้าวันนี้ กว่าจะสุขภาพเสียก็อีกหลายสิบปี
เราก็เลยชะล่าใจ และบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอก
รู้ตัวอีกทีก็มักจะสายเกินไป
The trouble is – you think you have time
– Unknown
ถ้าเราทิ้งขยะลงแม่น้ำวันละหนึ่งชิ้น คงใช้เวลาซักพักกว่าแม่น้ำนั้นจะเน่า
แต่ถามว่าแม่น้ำนั้นเริ่มเน่าตอนเราทิ้งขยะชิ้นที่เท่าไหร่?
คำตอบคงไม่ใช่ชิ้นที่พันหรือชิ้นที่หมื่นหรอก
แม่น้ำมันเริ่มเน่าตั้งแต่เราทิ้งขยะชิ้นแรกแล้ว
ดังนั้น ถ้ามีนิสัยบางอย่างที่เราอยากเปลี่ยน หนึ่งในวิธีที่อาจจะช่วยได้ก็คือให้คิดในรูปแบบเดียวกับสูบบุหรี่มวนเดียวแล้วเป็นมะเร็ง หรือทิ้งขยะชิ้นเดียวแล้วแม่น้ำเน่านั่นแหละ
คิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น (worst case scenario) แล้วจินตนาการให้มันดู “จริง” และดู “ใกล้ตัว” ราวกับว่ามันจะเกิดขึ้นทันทีถ้าเรายังคงทำตัวแบบนี้
แล้วบางทีเราอาจจะมีแรงฮึดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองครับ
เขียนบทความนี้หลังจากอ่านบทความของ Benjamin P. Hardy เรื่อง How to Make Immediate Behavior Changes
facebook.com/anontawongblog
anontawong.com/archives
Download eBook – เกิดใหม่
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com