
“คำสอนของคนจีนคำหนึ่งคือ ให้สำเร็จหลังอายุ 40 แล้วจะยั่งยืน เพราะถ้าสำเร็จก่อน 40 หรือ 30 ต้นๆ คุณก็จะห้ามใจไม่ได้ที่จะมีอีโก้ เพราะประสบการณ์ในชีวิตไม่พอ การสำเร็จในวัยที่อายุน้อย ส่วนใหญ่จะควบคุมอีโก้และความหยิ่งผยองไม่ได้ แล้วมันจะนำไปสู่ความล้มเหลว”
– ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
a day BULLETIN issue 133, 4-10 February 2010
สัมภาษณ์ วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม
ถ่ายภาพ กฤตธกร สุทธิกิตติบุตร
ช่วงนี้กระแส Startup หรือบริษัทที่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดดกำลังมาแรงมากในเมืองไทย
เห็นได้จากการประกวด Startup ที่มีจัดกันแทบทุกเดือน รวมถึงธุรกิจ Fintech (Financial Technology) ที่ธนาคารใหญ่ๆ ต่างลงมาร่วมเล่นด้วย
Startup ตัวพ่อคงหนีไม่พ้น Facebook ที่ทำให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังไม่ขึ้นเลขสาม
มาร์คจึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้นักธุรกิจรุ่นใหม่หลายๆ คน รวมถึงนักเขียนแนว “นักล่าฝัน” ที่หยิบยกความสำเร็จของมาร์คและเฟซบุ๊คมาเป็นตัวอย่าง
จึงกลายมาเป็นค่านิยมของเด็กที่จบใหม่สมัยนี้ว่าต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องโตไวๆ รวยไวๆ จะได้รีไทร์ก่อนอายุ 30
ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะค่านิยมก็คือแฟชันอย่างหนึ่งที่เข้ามาและจากไปเป็นวัฏจักร
เพียงแต่ค่านิยมโตเร็วรวยเร็วมันอาจทำให้คนที่เป็นพนักงานกินเงินเดือนอายุ 30 กว่าๆ (อย่างผม) แอบรู้สึกตกกระแสอยู่เหมือนกัน
พอได้อ่านคำพูดของคุณก่อศักดิ์ CEO ของ 7-Eleven ก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“คำสอนของคนจีนคำหนึ่งคือ ให้สำเร็จหลังอายุ 40 แล้วจะยั่งยืน”
โอเคล่ะ คำสอนนี้คงมีมาตั้งแต่ก่อนที่โลกจะมีอินเตอร์เน็ต โซเชียลเน็ตเวิร์ค และสมาร์ทโฟน จึงอาจจะไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงของสมัยนี้มากเท่าสมัยก่อน
แต่แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปเร็วเพียงใด จิตใจคนก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยซักหน่อย
คนส่วนใหญ่ก็ยังคงมีรักโลภโกรธหลง ไม่ต่างจากสิบปี ร้อยปี หรือพันปีที่แล้ว
ดังนั้นประโยคนี้จึงยังน่าฟังและเก็บไว้เตือนสติตัวเอง
“การสำเร็จในวัยที่อายุน้อย ส่วนใหญ่จะควบคุมอีโก้และความหยิ่งผยองไม่ได้”
เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าเราก้าวหน้ากว่าคนอื่น มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะเห็นว่าคนอื่นด้อยหรือฉลาดน้อยกว่าเรา
ที่ผมกล้ายืนยันเพราะบางทีผมก็เคยรู้สึกอย่างนี้ ซึ่งไม่น่ารักเอาซะเลย
เราแต่ละคนมีนิยามของความสำเร็จไม่เหมือนกัน และบางคนก็เป็นม้าตีนต้นส่วนบางคนก็เป็นม้าตีนปลาย
เราจึงไม่ควรลำพองเมื่อเห็นว่าตัวเองก้าวหน้ากว่าคนอื่น หรือรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อเห็นว่าคนอื่นล้ำหน้ากว่าเรา
สิ่งที่สำคัญกว่า คือการสำรวจตัวเองว่า เราพอใจกับสิ่งที่เราทำและสิ่งที่เราเป็นอยู่หรือยัง
ถ้าคำตอบคือพอใจก็ดีไป
แต่ถ้าคำตอบคือไม่พอใจ ก็ควรสำรวจให้ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งว่าความไม่พอใจนั้นเกิดจากอะไร
ถ้าเกิดจากความจริงที่ว่า เรารู้ว่าเราทำได้ดีกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาเราไม่กล้าหรือขี้เกียจเกินไป ก็เป็นเหตุผลที่ดีที่เราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
แต่ถ้าความไม่พอใจนั้นเกิดจากการเอา “ค่านิยมในสังคม” มาวัด ก็ต้องคิดดูดีๆ ว่าค่านิยมนั้นมันเหมาะกับเราจริงรึเปล่า
ไม่อย่างนั้นเราจะเหนื่อยกับการวิ่งตามแฟชั่นที่ถูกสร้างโดยใครก็ไม่รู้
จนลืมไปว่าเราเป็นใคร
และจริงๆ แล้วต้องการอะไรครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก a day BULLETIN issue 133, 4-10 February 2010
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”