
คือหมวกเจ้านาย หมวกคนทำงาน และหมวกคนว่างงาน
เมื่อเราสวมหมวกเจ้านาย เราจะสนใจเรื่องอนาคต เช่นเป้าหมายประจำปี การวางแผนสำหรับเดือนนี้ จัดลำดับความสำคัญของชิ้นงาน และมองว่าจะแจกจ่ายงานอย่างไรให้ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด
เมื่อเราสวมหมวกคนทำงาน เราจะสนใจงานที่อยู่ตรงหน้า มีสมาธิจดจ่อที่จะทำพรีเซนเทชั่น เขียนรีพอร์ต หรือทำเอ๊กเซลไฟล์ให้เสร็จลุล่วงตามที่ได้รับมอบหมายมา
เมื่อเราสวมหมวกคนว่างงาน เราจะสนใจอะไรก็ตามที่ไม่ใช่งาน เช่นเล่นเฟซบุ๊ค เดินไปหาขนมกิน หรือจับกลุ่มเมาธ์กับเพื่อนทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
เราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยสวมหมวกทั้งสามใบนี้ แม้จะไม่เคยเป็นเจ้านายและไม่เคยตกงานก็ตาม
ผมเชื่อว่าพวกเราส่วนใหญ่จะใส่หมวกคนทำงานเสียเยอะ คือขยันขันแข็งสู้งานไม่มีถอย
แต่ถ้าเราไม่สวมหมวกเจ้านายเสียบ้าง เราจะพลาดโอกาสที่จะถอยออกมาเพื่อให้เห็นภาพใหญ่ว่า งานที่เราทำมันมีคุณค่าจริงหรือเปล่า และเราสามารถทำงานชิ้นนี้ให้ต่างออกไปจากเดิมได้หรือไม่
สำหรับคนส่วนน้อยที่ได้สวมหมวกเจ้านายเป็นหลัก ได้แต่วางแผนแล้วก็สั่งๆๆ โดยไม่ได้ลงมาลุยงานเองบ้างเลย ก็อาจจะทำให้เขามองไม่เห็นภาพที่แท้จริงของเนื้องานว่ามันยากง่ายเพียงใด และความคาดหวังที่เขามีต่อลูกน้องนั้นเป็นไปได้แค่ไหน
ส่วนหมวกคนว่างงานนั้น ถ้าใส่นานเกินไปก็คงได้ว่างงานกันจริงๆ เพราะเราไม่ได้สร้างคุณค่าให้คุ้มกับเงินเดือนที่เขาจ่ายเรา
แต่หมวกคนว่างงานก็จำเป็น เพราะเราไม่สามารถทำงานได้ตลอด อย่างน้อยทุกๆ สองสามชั่วโมงเราควรจะพักและออกมาให้ห่างจากโต๊ะทำงานเสียบ้าง ไปเดินเล่น ซื้อขนม จับกลุ่มเมาธ์มอย เพื่อชาร์จแบตให้มีแรงกลับมาสวมหมวกเจ้านายและหมวกคนทำงานกันต่อไปครับ
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
ขอบคุณภาพจาก Unsplash.com