
บทความนี้อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับกลุ่มผู้อ่านหลักของ Anontawong’s Musings เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ทำงานกันหมดแล้ว
แต่ผมก็หวังว่ามันจะมีประโยชน์พอที่จะให้ผู้อ่านนำไปแชร์ให้กับน้องๆ ที่ยังเรียนอยู่ โดยเฉพาะเด็กมัธยมปลายหรือเด็กมหาวิทยาลัยนะครับ
ผมจบมาจาก Asian University ที่จังหวัดชลบุรี และผมก็เป็นนักศึกษารุ่นแรก
ในวันนั้น มหาวิทยาลัยมีแค่สองคณะคือวิศวะฯ กับ บริหารธุรกิจ และมีเด็กแค่ 20 คนเท่านั้นคือวิศวะ 10 คน BBA 10 คน
พอขึ้นปี 2 ก็เหลือ 14 คน พอปี 3 ก็เหลือ 13 คน คือวิศวะ 6 BBA 7
ในคณะวิศวะ 6 คนนั้น มีสามคนที่เป็นนักเรียนทุน และอีกสามคนที่ไม่ใช่นักเรียนทุน
นักเรียนทุนมีหน้าที่ต้องรักษาเกรดเฉลี่ยเกิน 3.0 อยู่แล้ว จึงค่อนข้างขยันและทำคะแนนดีมาโดยตลอด
ส่วนอีกสามคนที่ไม่ใช่นักเรียนทุน ก็จะออกแนวชิวๆ เรียนบ้างไม่เรียนบ้างตามประสา และต้องมานั่งลุ้นเกรดทุกสิ้นเทอม
ที่หอพักของเอเชี่ยนยูนั้น ชั้น 1 จะมีห้องเปล่าประมาณ 12 ห้องที่เขาเปิดให้เป็น Study Room ที่ใครจะมาใช้ก็ได้
ตอนปีหนึ่งกับปีสอง เด็กที่ไม่ใช่นักเรียนทุนจะเอ่ยปากขอให้เด็กทุนช่วยติววิชาที่มันยากๆ เช่นเลขหรือฟิสิกส์
แต่พอขึ้นปีสาม เราก็ได้ไอเดียบรรเจิดว่า จริงๆ แล้วเราก็ควรจะให้เด็กไม่ทุนติวเด็กทุนได้เหมือนกันนี่!
ก็เลยตกลงกันว่าแต่ละคนจะต้องติวกันคนละ 1 วิชา เรามีกันทั้งหมด 6 คน ก็แบ่งกันลงตัวพอดี
คนที่เป็นติวเตอร์ ต้องไปเขียนโน๊ตสรุปเนื้อหาวิชาที่ตัวเองได้รับมอบหมายมา แล้วถ่ายเอกสารมาแจกเพื่อนๆ
เมื่อได้เวลาติวของวิชานั้นๆ เราก็จะมารวมตัวกันที่ห้อง Study Room แล้วให้ติวเตอร์ของวิชานั้นเป็นคนสอน อาจจะครั้งละสองชั่วโมงก็ว่ากันไป ถ้ายังคุยไม่จบค่อยนัดมาติวกันต่อวันหลัง
ผลที่ออกมาคือดีมากครับ
ดีมากในแง่ที่ว่า คนที่ไม่ใช่เด็กทุน ที่รับหน้าที่เป็นติวเตอร์วิชาไหน เขาจะสอบได้ A หรือ B+ ในวิชานั้นๆ
เพราะการที่เขาต้องมานั่งทำโน๊ต และเตรียมตัวสอนเพื่อนนั้น ทำให้เขาเข้าใจวิชานี้อย่างกระจ่างแจ้งไปโดยปริยาย
เขียนเล่ามาตั้งนาน เพียงเพื่อจะบอกว่า เคล็ดลับของการสอบวิชาไหนให้ได้ A นั้น ก็แค่เพียงเตรียมตัวราวกับว่า เราจะต้องเป็นติวเตอร์วิชานั้นให้กับเพื่อนๆ ของเรา และจะยิ่งดีมากถ้าได้ลงมือติวจริงๆ เพราะเพื่อนจะถามคำถามซึ่งชี้ให้เห็นว่าเรายังตกหล่นหรือยังเข้าใจประเด็นไหนไม่ชัดเจนรึเปล่า
ลองเอาไปใช้ดูนะครับ
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com
จริงๆจะพูดว่าไม่มีค่อยมีประโยชน์กับคนทำงานก็อาจจะไม่ถูกสักเท่าไร ลองนึกถึงเหตการณ์ที่คนในทีมเราต้อง master tool สักตัวนึง เค้าก็สามารถทำอะไรคล้ายๆกันนี้ในการบรรลุเป้าหมายนั้นได้ครับ นอกจากคนสอนจะได้เป็น tool master ตามที่ตั้งใจไว้แล้ว คนในทีมยังได้ประโยชน์จากการเทรนด้วย ซึ่งถือเป็นการ win-win กันทั้งสองฝ่ายและทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นด้วยครับ
LikeLike