
สมัยเรียนชั้นประถม เราทุกคนน่าจะเคยเข้าค่ายลูกเสือ
และกิจกรรมหนึ่งที่เราจะได้ทำกันก็คือเตรียมไฟไว้หุงข้าว
เริ่มจากหาอิฐหรือก้อนหินมาล้อมเป็นเตาในขนาดที่พอเหมาะกับหม้อสแตนเลสที่เราจะใช้หุงข้าว และเก็บเศษไม้แห้งๆ มาก่อเป็นเพิงอยู่ข้างในเตาอิฐ
จากนั้นเราก็ใช้ไฟแช็คหรือไม้ขีดไฟมาจุดไฟใส่กระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วสอดหนังสือพิมพ์นั้นไปที่ใต้เพิงเศษไม้ แล้วก็ต้องรีบคว้าสมุดมาพัดแรงๆ เพื่อให้ไฟลุกและจุดติด
ตอนนั้นก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเวลาเอาลมพัดใส่แรงๆ แทนที่ไฟจะดับ ไฟกลับยิ่งลุกลาม มารู้ทีหลังจากวิชาวิทยาศาสตร์ว่าการเผาไหม้นั้นจำเป็นต้องใช้อ๊อกซิเจน
—–
การโกรธก็ไม่ต่างจากการจุดไฟหุงข้าวในค่ายลูกเสือ
ใจของเรามีเชื้อแห่งความโกรธที่เรียกว่าโทสะ เปรียบเหมือนเศษไม้แห้งที่เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีอยู่แล้ว โดนประกายไฟหน่อยเดียวก็ลุกไหม้เอาง่ายๆ
ยิ่งคนที่อยู่ใกล้ชิดกันอย่างแฟนหรือสามีภรรยา โอกาสที่จะกระทบกระทั่งจนเกิดประกายไฟยิ่งสูง
สมมติว่าผมทำอะไรให้แฟนไม่ถูกใจจนโกรธขึ้นมา สิ่งที่ผมมักจะทำคือการพยายามหยุดความโกรธนั้นด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่ออธิบายเหตุผลต่างๆ นาๆ ว่าทำไมผมถึงทำอย่างนี้ และทำไมเธอถึงไม่ควรโกรธผม
หารู้ไม่ว่าการใช้เหตุผลก็เหมือนการเอาสมุดมาพัดลมเข้ากองไฟ แทนที่ไฟจะดับ มันกลับไหม้แรงขึ้น
คำพูดที่คิดว่าจะช่วยให้เธอเย็นลง กลับทำให้เธอโกรธกว่าเดิม
ระยะหลังๆ ถ้าแฟนโกรธ และผมมีสติพอ ก็จะบอกตัวเองว่าให้ “ตัดลมแต่ต้นไฟ”
เพราะรู้ตัวแล้วว่าเรายังไม่ชำนาญพอที่จะตัดไฟแต่ต้นลมได้ เพราะเรายังไม่ใช่น้ำ เรายังเป็นอ๊อกซิเจน
สิ่งเดียวที่ทำได้คือปิดปาก เพื่อจะได้ไม่พ่นอ๊อกซิเจนใส่ไฟที่กำลังลุกโชน
รอเวลาซักพัก ให้เศษไม้โดนไหม้จนหมด
ไฟก็จะดับไปเอง
—–
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com