
“It helps to see failure as a road and not a wall.”
จงมองความล้มเหลวเป็นถนน ไม่ใช่กำแพง
– Scott Adams (ผู้เขียนการ์ตูน Dilbert)
—–
ผมทำงานที่ทอมสันรอยเตอร์มา 13 ปี เคยสัมภาษณ์งานสำหรับตำแหน่งภายในบริษัทอยู่บ่อยครั้ง
อัตราเฉลี่ยความสำเร็จคือหนึ่งต่อสาม ถ้าผมสมัครไปสามครั้ง จะมีครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาจะเลือกผม ส่วนอีกสองครั้งเขาจะเลือกคนอื่น
ทั้งนี้ เพราะหลายครั้งผมก็สมัครงานโดยที่รู้ตัวด้วยว่ายังเด็กเกินไปหรือยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ
แต่ก็ลองสมัครอยู่ดี (เพราะไม่ต้องเสียตังค์!)
ถ้าเขาไม่เรียกสัมภาษณ์ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าเรามีความสนใจในตำแหน่งนี้
ถ้าเขาเรียกสัมภาษณ์แล้วเราสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นการซ้อมใหญ่ คราวหน้าถ้าโอกาสมาอีก เราจะได้ทำได้ดีกว่าเดิม
—–
คลับคล้ายคลับคลาว่าผมเคยอ่านเจอประวัติของเซลส์แมนคนหนึ่ง ที่ทำยอดขายได้เป็นที่หนึ่งของแผนกปีแล้วปีเล่า กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ขององค์กรด้วยเวลาอันสั้น
เคล็ดลับของเขามีเพียงแค่โถสองโถ และเหรียญบาท 100 เหรียญ*
เริ่มต้นวันทำงาน เหรียญทั้ง 100 เหรียญจะกองอยู่ในโถเดียว
จากนั้นเขาจะโทร.หาลูกค้าหนึ่งคน
เมื่อวางหูจากลูกค้าแล้ว เขาจะหยิบเหรียญหนึ่งเหรียญจากโถหนึ่งมาโยนลงอีกโถหนึ่ง (เสียงดังแกร๊ง!)
แล้วก็ยกหูหาลูกค้าคนถัดไป
เป้าหมายของเขาคือ ก่อนจะหมดวัน เหรียญทั้งหนึ่งร้อยเหรียญจะต้องถูกย้ายไปอยู่อีกโถหนึ่ง ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาได้โทร.หาลูกค้าครบ 100 คนแล้วนั่นเอง
และวันรุ่งขึ้น เขาก็จะทำแบบเดียวกัน เพื่อย้ายเหรียญ 100 เหรียญนั้นกลับมาที่โถเดิม
สังเกตว่าเขาไม่ได้โยนเหรียญตอนที่ขายได้ เพียงแค่ได้โทร.หาก็โยนเหรียญได้แล้ว
ถ้าเขาตั้งกฎว่าจะย้ายเหรียญเฉพาะตอนที่ขายได้ ก็เป็นการคาดคั้นที่จะให้โลกหมุนรอบตัวเองเกินไปหน่อย
เพราะเราไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้
แต่เราควบคุมการกระทำของเราได้เสมอ
—–
หลายครั้ง ที่เราไม่ลงมือทำอะไรบางอย่าง เพราะเรากลัวว่าจะล้มเหลวหรือเสียเวลาเปล่า
แต่ถ้าใครเคยเรียนฟิสิกส์มา จะรู้กฎสำคัญข้อหนึ่งที่ว่า พลังงานไม่มีวันสูญหายไปไหน มีแต่แปรรูปไปเท่านั้น
สิ่งที่เราลงแรงไป แม้มันจะไม่ได้ออกมาเป็นผลลัพธ์อย่างที่เราต้องการ แต่มันก็ได้แปรรูปไปเป็นบทเรียนและประสบการณ์ ที่จะส่งผลให้เราทำได้ดีขึ้นในคราวหน้าอยู่แล้ว
ดังนั้น หากเรามองความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จ ความล้มเหลวก็จะไม่ใช่ศัตรู แต่จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคนหนึ่งเลยนะครับ
—–
* เซลส์แมนที่พูดถึงเป็นฝรั่ง ดังนั้นเขาคงไม่ได้ใช้เหรียญบาท แต่น่าจะเป็นเป็นเหรียญห้าเซ็นต์หรือสิบเซ็นต์มากกว่า แต่ผมใช้เหรียญบาทเพื่อให้อ่านไม่สะดุดนะครับ ส่วนจำนวน 100 เหรียญนี่จริงๆ แล้วอาจจะเป็น 50 หรือ 200 เหรียญก็ได้เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาได้ระบุจำนวนเหรียญในโถไว้รึเปล่า
—–
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”
ขอบคุณภาพจาก Pexels.com