วันพรุ่งแสนยุ่ง

20151109_TomorrowBusiest

“Tomorrow is often the busiest day of the week.”

“วันพรุ่งนี้มักจะเป็นวันที่ยุ่งที่สุดในสัปดาห์”

– Spanish proverb

—–

หลังจากหยุดงานมาสองสัปดาห์เต็มๆ เพื่อทำหน้าที่คุณพ่อ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่ผมกลับไปทำงานเป็นวันแรกแล้ว

ผมใช้แอพมือถือชื่อว่า Any.Do เอาไว้จดสิ่งที่ต้องทำ และทุกๆ 9 โมงเช้ามันจะเตือนว่าเรามีงานค้างอยู่ในคิวกี่ชิ้น (งานในที่นี้หมายรวมถึงเรื่องส่วนตัวเช่นเรื่องซื้อของหรือโทร.หาคนโน้นคนนี้ด้วยนะครับ)

แต่ช่วงที่หยุดงานไป ผมแทบไม่ยอมดู Any.Do เลย พอมีงานไหนเตือนขึ้นมาว่าควรจะทำได้แล้วนะ ผมก็จะ snooze ไปอีกสามชั่วโมงหรือ snooze เอาไว้ทำวันถัดไปเสมอ จนตอนนี้มี task ที่คั่งค้างอยู่ในลิสต์ประมาณ 20 ชิ้นแล้ว

ครับ งานอะไรที่เรายังไม่อยากทำและยังไม่ถูกบังคับให้ทำ เราก็มักจะ “ผลัก” มันออกไปสู่วัน “พรุ่งนี้” เสมอ

งานส่วนใหญ่จึงไปกองที่วันพรุ่งนี้

และพอวันพรุ่งนี้มาถึง เราก็จะผลักมันไปสู่วันถัดไปอีก

ผลักไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเดดไลน์แล้วนั่นแหละ เราถึงจะยอมลงมือทำ

กลับไปทำงานคราวนี้ คงต้องฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้น

อะไรที่ควรทำวันนี้ก็ทำมันซะ แม้จะยังไม่ถึงเส้นตายก็เถอะ

ไม่อย่างนั้น “พรุ่งนี้” ที่ไม่มีวันมาถึง ก็จะเป็นผู้รับกรรมเรื่อยไป

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ยุ่งเพราะขี้เกียจ

20150924_BusyLazy

Being busy is a form of laziness – lazy thinking and indiscriminate action

การทำตัวยุ่งก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความเกียจคร้าน – เกียจคร้านทางความคิดและลงมือทำโดยไม่ไตร่ตรอง

– Tim Ferriss

—–

เชื่อว่าหลายคนที่ทำงานประจำน่าจะมีเพื่อนร่วมงานประเภท “ยุ่งตลอดเวลา”

ระหว่างวันก็มีแต่เข้าประชุม เวลาอยู่ในห้องประชุมก็ไม่ค่อยมีส่วนร่วมเพราะต้องนั่งทำงานอย่างอื่นไปด้วย เราส่งอีเมล์ไปเขาก็ไม่อ่าน ติดปัญหาอะไรเขาก็ไม่มีเวลามาช่วย แถมยังทำงานดึกๆ ดื่นๆ เป็นอาจิณอีกด้วย

ที่น่าสนใจคือ คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ น้อยคนมากที่จะมีผลงานออกมาดีหรือเป็นที่ชื่นชมของเพื่อนร่วมงาน

ทั้งๆ ที่ทุ่มเทเวลาให้กับงานวันละสิบกว่าชั่วโมงทุกวัน แต่ทำไมผลงานถึงไม่เข้าตากรรมการ?

อาจเพราะว่าเขาใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่ได้สร้างคุณค่าต่อองค์กรเท่าไหร่นักก็ได้

—–

คุณเคยมีอาการอย่างนี้มั้ย

วิ่งวุ่นทั้งวันจนแทบจะไม่มีเวลาพักหายใจ และทำอะไรไปตั้งหลายอย่าง

แต่พอหมดวันแล้วกลับรู้สึกว่างเปล่า แถมอาจรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ทำอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง

ผมเองก็มีอาการอย่างนี้บ่อยๆ ครับ

ไอ้ความ “เป็นชิ้นเป็นอัน” นี่มันก็นิยามยากอยู่เหมือนกัน เพราะถึงผมจะทำอะไรเสร็จหลายอย่าง แต่ถ้างานนั้นเป็นงานที่ไม่ค่อยมีคุณค่าเท่าไหร่ (ทั้งในสายตาผมและในสายตาของหัวหน้า) ผมก็ไม่ถือว่างานเหล่านั้น “เป็นชิ้นเป็นอัน” อยู่ดี

และเท่าที่สังเกต ความไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มักจะเกิดขึ้นเมื่อปัจจัยเหล่านี้เกิดพร้อมกัน (อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด)

– นอนไม่พอ
– สิ่งแรกที่ทำตอนถึงออฟฟิศคือเช็คเมล์หรือเปิดเฟซบุ๊ค
– ไม่เขียน To Do List ว่าวันนี้จะทำอะไร
– ไม่ตัดสินใจว่างานชิ้นไหนคืองานที่สำคัญที่สุดของวันนี้และต้องทำให้เสร็จ
– ทำงานจิ๊บจ๊อยเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานที่สำคัญและยากกว่า
– ทำงานสลับไปสลับมา
– โดนขัดจังหวะตลอดเวลา (จากการประชุม/คนมาหา/เมาธ์มอย)

ถ้าทั้งเจ็ดอย่างอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ว้นนั้นจะเป็นวันที่ผมโคตร unproductive เลย

แต่ในทางกลับกัน ถ้า “พลิก” ทั้งเจ็ดข้อนี้ได้ วันนั้นก็จะเป็นวันที่เหนื่อยแต่รู้สึกดีสุดๆ เหมือนกัน

– พักผ่อนมาเพียงพอ
– ไม่เปิดเฟซบุ๊คจนกว่าจะทำงานชิ้นแรกเสร็จ (หรืออย่างน้อยวางแผนเสร็จ)
– วางแผนว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง
– รู้ว่าอะไรคืองานที่สำคัญที่สุดของวันนี้
– เอางานสำคัญที่สุดขึ้นมาทำก่อน (ก่อนที่จะโดนคนอื่นหรืองานอื่นเข้ามาแทรก)
– จดจ่อกับงานทีละชิ้น
– ไม่เข้าประชุมที่ไม่จำเป็นและ say no with an option เวลามีคนมาขอความช่วยเหลือในจังหวะที่เรายังไม่สะดวก

ถ้าทำได้ ถึงจะยุ่งเราก็ยุ่งอย่างสบายใจ และทำงานออกมาได้ดีครับ

—–

ขอบคุณภาพจาก Pexels.com

ขอบคุณข้อมูลจาก MindTools และ Educational Business Articles

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก See First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ทำเป็นยุ่ง

20150819_Busy

Being busy is most often used as a guise for avoiding the few critically important but uncomfortable actions.

คนเราชอบทำตัวยุ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องทำเรื่องที่สำคัญจริงๆ

– Tim Ferriss

—–

เคยเจอหัวหน้าหรือผู้บริหารที่ทำตัวยุ่งตลอดเวลามั้ยครับ?

อยู่ดึกเป็นประจำ
สั่งงานนาทีสุดท้าย
เราส่งเมล์ไปแล้วก็ไม่อ่าน
อยู่ในห้องประชุมก็แชทกับคนอื่น
จะนัดคุยเพื่อแก้ปัญหาก็หลีกเลี่ยง อ้างว่ายุ่ง

จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่า วันๆ หนึ่งเขาเอาเวลาไปลงกับอะไรบ้าง

การจะเป็นหัวหน้าที่ดีได้ ผมว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยสี่ข้อ

มีเป้าหมายที่ชัดเจนให้คนในทีม
ระบุให้ได้ว่ามีงานชิ้นไหนบ้างที่จะช่วยพาไปสู่เป้าหมายนั้น
เลือกทำงานที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ทำได้
แจกจ่ายงานที่เหลือให้กับคนที่เหมาะสม

หัวหน้าที่ไร้ประสิทธิภาพจะทำตรงกันข้ามหมดเลย

เป้าหมายไม่ชัด หรือถ้าชัดก็ชัดอยู่คนเดียว
ปฏิเสธงานไม่เป็น เห็นอันไหนท่าจะดีก็ทำหมด
ใช้เวลาไปกับงานที่ไม่ได้สำคัญนัก (แต่ง่าย) ส่วนงานยากๆ ก็ผัดไปเรื่อยๆ
ใช้คนไม่ถูกกับงาน

ใครเป็นลูกน้อง ผ่านมาเห็นบทความนี้อาจกดไลค์

แต่ถ้าลูกน้องอย่างคุณอยากเติบโตเป็นหัวหน้าที่ดี ก็ควรจะเริ่มสร้างคุณสมบัติทั้งสี่ข้อที่ว่าตั้งแต่วันนี้

เพราะดูวี่แววแล้ว โลกจะหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ มีทางเลือกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับสติและความอดทนของคนเราที่น้อยลงเรื่อยๆ

ถ้าเราไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ช้าลง และคัดกรองสิ่งที่เราจะทำเสียบ้าง

ก็มีความเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่คุณจะวิ่งวุ่นทั้งวัน

เพียงเพื่อจะรู้สึกผิดนิดๆ ตอนทิ้งตัวลงนอน

ว่าวันนี้คุณยังไม่ได้ทำอะไรที่มีคุณค่าอย่างแท้จริงเลย

—–

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก Show First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่