เข้มแข็งและกล้าหาญ

20160920_strongbrave

Be strong enough to stand alone, smart enough to know when you need help, and brave enough to ask for it.

จงเข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราต้องการความช่วยเหลือ และกล้าหาญพอที่จะเอ่ยปาก

– Mark Amend


บางทีความเข้มแข็งกับความหยิ่งผยองก็มีเส้นแบ่งเพียงบางๆ

เส้นนั้นขีดแบ่งระหว่างสิ่งที่เราทำได้เองด้วยตัวคนเดียว กับสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้โดยปราศจากความช่วยเหลือ

การยืนหยัดได้ด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องยาก แต่เรื่องที่ยากกว่าคือการยอมวางอีโก้ของเราลงเพื่อจะสำรวจตัวเองว่ายังมีข้อบกพร่องอะไรอยู่บ้าง และเสาะแสวงหาคนที่จะช่วยให้เราดีกว่าเดิม

เพราะต่อให้คุณจะเก่งแค่ไหน เส้นแบ่งบางๆ นั้นก็ไม่เคยหายไป

ขนาดยูเซน โบลต์ (Usain Bolt) มนุษย์ที่เร็วที่สุดในโลก ยังต้องมีโค้ชเลย


อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

พูดเพราะ?

20160919_speak

Wise men speak because they have something to say; Fools because they have to say something.

คนมีปัญญาจะอ้าปากเมื่อมีอะไรที่ต้องพูด ส่วนคนเขลานั้นอ้าปากเพราะเขาต้องพูดอะไรซักอย่าง

– Plato


พระท่านบอกไว้ว่า เราไม่สามารถบังคับจิตไม่ให้คิดไม่ได้ เพราะจิตมีหน้าที่คิด

พอคิดแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเป็นคำพูด

ถ้าเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ คำพูดที่ออกมาย่อมมีประโยชน์กับคนรอบข้าง

แต่ถ้าความคิดนั้นไม่สร้างสรรค์ สิ่งที่พูดออกมาย่อมสร้างมลภาวะทางอารมณ์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คนอื่นเสียเวลา

ธรรมชาติสร้างให้เรามีสองหูกับหนึ่งปาก ราวกับจะบอกใบ้ว่าเราควรฟังให้มากกว่าพูด

แต่ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านน่าจะรู้จักคนที่พูดมากกว่าฟัง

หรือร้ายกว่านั้นคือคนที่พูดอย่างเดียวแล้วไม่ฟังใครเลย

อย่าเผลอเป็นคนแบบนั้นนะครับ

เพราะมันไม่น่ารักเลย


อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

ชีวิตคือผลรวมของการตัดสินใจ

20160917_decisions

สองสามวันที่ผ่านมานี้ เพิ่งสังเกตตัวเองได้ว่า ในแต่ละวันผมมีเรื่องให้ตัดสินใจมากมายเหลือเกิน

เพียงแต่ผมไม่เคยรู้ตัวเท่านั้นเอง

จะนอนต่อหรือจะลุก

แปรงฟันเสร็จแล้วจะบ้วนปากด้วยลิสเตอรีนรึเปล่า

จะเขียนบล็อกหรือจะเปิดเฟซบุ๊ค

ก่อนออกจากบ้านจะหอมแก้มแฟนมั้ย

รถติดแล้วจะเล่นมือถือดีมั้ย?

มีคนรอข้ามถนน จะชะลอรถรึเปล่า

จะเช็คอีเมล์หรือจะวางแผนการทำงานก่อน

เวลาเพื่อนร่วมงานพูดจาไม่ดี จะตอบโต้หรือจะตั้งสติ

จะนั่งจ้องจอคอม หรือจะลุกไปเดินเล่นเพื่อพักผ่อน

พักเที่ยงจะกินข้าวแกงหรือจะกินร้านแพงๆ

ที่เราไม่รู้ตัว ก็เพราะว่าเราคิดว่าการตัดสินใจนี้มันเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมาย

แค่ผมได้พบความจริงข้อหนึ่งว่า “การตัดสินใจเรื่องเล็กๆ” ที่ทำซ้ำๆ กันทุกวันนั้นส่งผลมากกว่า “การตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ” ซะอีก

การเลือกของกิน ท่านั่งทำงาน เวลาเข้านอน เป็นเรื่องที่เราทำโดยแทบไม่เคยคิด แต่มันส่งผลกับสุขภาพมากกว่าการเลือกว่าจะสมัครฟิตเนสที่ไหน

คนที่ไม่ดื่มกาแฟแก้วละร้อยในวัยทำงานจะประหยัดเงินไปได้หนึ่งล้านตอนที่เราเกษียณ

และการมีเวลาเล่นกับลูกทุกวัน อาจสำคัญกว่าการเลือกว่าจะให้ลูกเรียนที่ไหน

บางที “ความลับ” ของการมีชีวิตที่ดีอาจจะอยู่ตรงนี้

คือการเลือกที่จะตัดสินใจเรื่องเล็กๆ ให้ถูกในทุกวัน

ซึ่งจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก

ง่ายตรงที่การตัดสินใจเล็กนั้นๆ เรามักจะรู้คำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว

ยากตรงที่เราไม่ค่อยทำมัน เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ นี่แหละ

ทำให้นึกถึงเพื่อนผมคนหนึ่งที่ชื่อไก่ที่เคยบอกผมว่า

“ถ้าเรื่องเล็กๆ ยังทำให้ถูกต้องไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะทำเรื่องใหญ่ๆ ให้ถูกต้องได้”

มาตัดสินใจเรื่องเล็กๆ ให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้

เพื่อชีวิตที่ดีของเราในวันพรุ่งนี้กันนะครับ


อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

เจริญอาหาร

20160917_food

“กายชอบทำอาหารแบบไหน”

“อาหารที่ทำให้คนได้คุยกัน” เขาเอ่ยคำตอบที่เราคาดไม่ถึง “เราชินกับการที่เรามานั่งที่โต๊ะ คุยกัน สำหรับเราคือเวลาที่มีค่า เราไม่เข้าใจคนที่รีบๆ กินๆ รีบๆ กดมือถือ เราเชื่อในการปฏิสัมพันธ์ต่อหน้ามาก ทุกวันนี้คนเรามองหาเป้าหมายไกลที่สุด แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างทางมันหายไป เหมือนบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร เวลาเราเจอกันบนโลกโซเชียล เราเห็นแค่หน้าจอ เห็นแค่สิ่งที่เขาคัดเลือกให้เราดู เราซ่อนทุกอย่างไว้ภายใต้ฉาก น่ากลัวไหมล่ะ แต่ถ้าเราคุยกันอย่างนี้ เราเห็นทั้งข้างนอก ข้างหลัง ข้างหน้า มันโรแมนติกกว่าเยอะ” เขามองเราเต็มตาแล้วยิ้ม

แต่พูดจบไม่ทันไร กายก็หัวเราะแล้วกล่าวปิดท้ายเสียใหม่ในสไตล์นักประวัติศาสตร์

“อาจไม่โรแมนติกหรอก แต่มันได้ ‘ความจริง'”

– กาย ไลย มิตรวิจารณ์
a day #191 July 2016 
เรื่อง กันตพร สวนศิลป์พงศ์
ภาพ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์


“อาหารที่ทำให้คนได้คุยกัน”

ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมประโยคนี้โดนใจผมจัง

อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้คุยกับใครเป็นชิ้นเป็นอันบนโต๊ะอาหารมานานมากแล้ว

ครั้งหลังสุดที่รู้สึกว่าได้สัมผัสกับบรรยากาศนี้ คือตอนที่ผมไปเที่ยวกับแฟนที่ยุโรปเมื่อพฤษาภาปีที่แล้ว แล้วแวะไปนอนบ้าน “พี่สายไหม” ที่เมือง Montreux ซึ่งไม่ห่างจากเจนีวามากนัก

พี่สายไหมแต่งงานกับนักเขียนชาวฝรั่งเศส และช่วงที่เราไปก็เขาก็มีแขกชาวสเปนมานอนที่บ้านอีกสองคน คืนนั้นเราจึงมีเพื่อนร่วมโต๊ะทานข้าวทั้งหมดหกคน มีอาหารหลายสิ่งอย่างที่พี่สายไหมทำกับมือ แกล้มด้วยไวน์ขาวที่ผมกับแฟนต้องดื่มตามมารยาท

แฟนของพี่สายไหมถามคำถามพวกเรามากมาย ก่อนจะโดดไปคุยกันในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงลูก เรื่องการทำธุรกิจ เรื่องหนังสือที่เขาเขียน เรื่องชีวิตวัยหนุ่มสาว ฯลฯ


เขียนมาถึงตรงนี้ ก็นึกได้ว่า หลังจากนั้นผมก็ยังมีการได้กินข้าวกับคนอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นทำสุกี้กินที่บ้านพ่อกับแม่ กินร้านญี่ปุ่นกับเพื่อนมหาลัยและอาจารย์ หรือนัดเพื่อนนักดนตรีให้เอาอาหารมากินกันที่บ้านผม

เป็นช่วงเวลาที่ดีและน่าจดจำเหมือนกัน แต่ทำไมการกินข้าวกับพี่สายไหมคืนวันนั้นถึงน่าจดจำเป็นพิเศษ?

อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างทางสถานที่ และการได้พูดคุยกับคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

แต่อีกความแตกต่างหนึ่งในการทานอาหารกับพี่สายไหมในครั้งนั้นก็คือ ตลอดเวลาร่วมสองชั่วโมงบนโต๊ะอาหาร ไม่มีใครหยิบมือถือขึ้นมาซักครั้งเดียว

มันจึงเป็นการ “ร่วมโต๊ะ” ที่แท้จริงโดยไม่มีสิ่งใดเข้ามาแทรก  เป็นบรรยากาศการทานอาหารที่เราคุ้นเคยกันดีสมัยที่เรายังเด็ก แต่หาได้ยากยิ่งในสมัยนี้


ผมเคยอ่านเจอฝรั่งเขาเล่นเกมๆ หนึ่งเวลานัดไปทานข้าวด้วยกัน

คือการให้ทุกคนหยิบมือถือขึ้นมาวางคว่ำหน้าไว้กลางโต๊ะซ้อนๆ กันไว้

ใครหยิบมือถือขึ้นมาเล่นก่อนถือว่าแพ้!

ผมก็อยากจะเล่นอะไรประมาณนี้บ้างนะ แต่เดาว่าเพื่อนคงไม่ยอม และไม่แน่ ผมอาจจะเป็นคนแพ้ก็ได้

“กายชอบทำอาหารแบบไหน”

“อาหารที่ทำให้คนได้คุยกัน”

เป็นคำถามที่ดีนะครับว่า อาหารแบบไหนที่ทำให้เราได้คุยกันออกรสออกชาติ

เพราะบทสนทนาที่ดีที่สุดและจะอยู่กับเราไปนานที่สุด ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้บนจอ iPhone7

แต่จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราวางมันลงต่างหาก


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก a day #191 July 2016 

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

นิทานตกรถไฟ

20160915_missthetrain

วันนี้วันศุกร์ มาฟังนิทานกันนะครับ

ณ ชานชลาแห่งหนึ่ง

รถไฟส่งเสียงหวูดดังลั่น ก่อนที่ขบวนจะค่อยๆ ขับเคลื่อนตัวออกไป

ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล ทำท่าเหมือนจะทันอยู่รอมร่อ แต่ขบวนรถไฟก็วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายหนุ่มคนนั้นก็วิ่งมาไม่ทัน ได้แต่หยุดหอบหายใจแฮ่กๆ ด้วยสีหน้าเสียดายสุดฤทธิ์

ชายชราที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเอ่ยขึ้นว่า

“เสียใจด้วยนะพ่อหนุ่ม เธอวิ่งเร็วไม่พอ”

ชายหนุ่มหันมามองชายชราและตอบอย่างสุภาพแต่หนักแน่นว่า

“ผมวิ่งเร็วพอครับคุณลุง แต่ผมออกตัวช้าไป”


อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (กดไลค์แล้วเลือก See First หรือ Get Notifications ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com