สมัยที่ผมเรียนอยู่นิวซีแลนด์นั้น ผมเตะบอลให้กับทีมประจำเมืองด้วย (ไม่ได้เตะบอลเก่งอะไรนะครับ เพราะเมืองของเขามีคนแค่ 4500 คนเท่านั้น และคนเตะบอลจริงๆ ก็มีไม่เท่าไหร่)
ทีมของเราจะมีซ้อมกันทุกค่ำวันอังคารกับค่ำวันพฤหัสฯ ใช้เวลาซ้อมประมาณ 2-3 ชั่วโมง
แต่เกือบทุกครั้ง ช่วงหนึ่งชั่วโมงแรก โค้ชจะไม่ยอมให้เราได้แตะบอลเลย (บอลหลายสิบลูกจะถูกเก็บไว้ในตาข่ายที่โค้ชวางไว้ข้างกาย)
กิจกรรมอย่างแรกที่พวกเราต้องทำคือวิ่งวอร์มรอบสนามบอลซัก 4-5 รอบให้เหงื่อซึมๆ ก่อน
จากนั้นจึงมายืนล้อมวงยืดเส้นยืดสายแล้วค่อยจัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งยืนตรงเส้นหลังประตู แล้วเริ่มวิ่งเหยาะๆ ซัก 20 เมตร วิ่งหันข้าง 20 เมตร วิ่งถอยหลัง 20 เมตร แล้วค่อยกลับตัววิ่งสุดแรงไปจนถึงเส้นหลังประตูอีกฝั่งหนึ่ง ทำอย่างนี้ไปกลับอย่างน้อยสี่รอบ
ยังไม่พอ เรายังมีฝึกความแข็งแกร่งและความว่องไวเช่นการวิ่งซิกแซกผ่านโคน หรือวิ่งเปี้ยวเพื่อไปแตะทีมฝั่งตรงข้าม
จนเหงื่อท่วมกายแล้วนั่นแหละ โค้ชถึงจะเอาลูกฟุตบอลมาให้เราได้เตะกัน
—–
ถามว่าทำไมซ้อมฟุตบอล แล้วไม่ให้แตะลูกฟุตบอล?
โค้ชอธิบายว่า ในสนามมีผู้เล่น 22 คน แต่ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคนที่ได้แตะบอลอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้น โดยเฉลี่ยแล้ว ในเกม 90 นาที ผู้เล่นแต่ละคนจึงได้แตะบอลแค่เพียง 4 นาที
ส่วนอีก 86 นาทีคือการ “เล่นบอล” โดยปราศจาก “ลูกบอล”
ดังนั้น สิ่งที่เราทำระหว่างที่ไม่มีบอลจึงสำคัญมาก อาจจะสำคัญกว่าตอนมีบอลเสียอีก
—–
ผมว่าการซ้อมบอลก็เหมือนการทำสไลด์
เวลาจะทำสไลด์ขึ้นมาซักชุด คุณทำยังไง?
หลายคนจะเปิดโปรแกรม Powerpiont / Keynote ขึ้นมาเลย โดยอาจจะเปิดไฟล์เก่า (เพื่อจะได้ใช้เท็มเพลตเดิม) แล้ว Save As ก่อนจะนั่งแก้เนื้อหา
วิธีการทำสไลด์อย่างนี้ไม่ต่างกับการมาถึงสนามฟุตบอล ใส่รองเท้าเสร็จแล้ว ก็ลงไปแข่งเลย
นอกจากจะเล่นไม่ค่อยออกแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บอีกด้วย
ถ้าต้องทำสไลด์ที่มีเนื้อหาใหม่และมีความสำคัญ ผมขอนำเสนออีกทางเลือกหนึ่ง
- เอากระดาษเปล่าๆ มา 1 แผ่น
- เขียนหัวข้อเรื่อง
- เขียนจุดประสงค์ว่าเราจะพรีเซ้นต์เรื่องนี้ไปทำไม
- ใช้กระดาษโพสต์อิทจดประเด็นต่างๆ ที่เราต้องการจะพูด โดยหนึ่งโพสต์อิทมีได้เพียงหนึ่งประเด็นเท่านั้น
- บางประเด็นที่ควรมีภาพประกอบ ก็เขียนลงไปในโพสต์อิทด้วยว่าควรจะใช้ภาพอะไร ประมาณไหน
- ขยับโพสต์อิทไปมาเพื่อจัดกลุ่มความคิด และวางแผนว่าเราจะดำเนินเรื่องอย่างไร ควรจะนำเสนอประเด็นอะไรก่อนหลัง
- เราจะพบว่า ประเด็นบางประเด็นอาจจะควบรวมเป็นหนึ่งสไลด์ก็ได้ และบางประเด็นอาจจะต้องแตกย่อยออกมาเป็นหลายสไลด์ก็ได้
- อย่าลืมด้วยว่าตอนทิ้งท้าย เราจะฝากอะไรให้ผู้ฟังไปทำต่อรึเปล่า
ต่อเมื่อเราเคลียร์แล้วเท่านั้นว่าเราจะนำเสนออะไร เพื่ออะไร และจะเล่าเรื่องอย่างไร เราจึงค่อย เปิด Powerpoint ครับ
เพราะ Powerpoint ก็เหมือนลูกฟุตบอลที่เราใช้ยิงเข้าประตู (Deliver you presentation)
แต่เนื้อหนังของการนำเสนอจริง ๆ คือสิ่งที่เราทำระหว่างที่ไม่ได้ “ครองบอล” อย่างกระบวนการคิด ตรรกะ และวิธีการนำเสนอต่างหาก
อาจจะใช้เวลามากกว่าหน่อย แต่เท่าที่ได้ลองทำ ผมว่าสไลด์นั้นจะเข้าใจง่ายและลื่นไหลกว่ากันเยอะเลยครับ
—–
ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com
อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/
อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ถ้ากด Get Notifications ใต้ปุ่ม Like หรือเลือก See First ใต้ปุ่ม Following ก็จะไม่พลาดตอนใหม่ครับ)
ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่”