ปราบมังกรตั้งแต่ตอนที่มันยังแบเบาะ

มังกรนั้นมีความหมายที่แตกต่างไปในแต่ละวัฒนธรรม

สำหรับคนจีน มังกรเป็นสัญลักษณ์ที่นำมาซึ่งความสุขและความอุดมสมบูรณ์

แต่สำหรับฝรั่ง มังกรมักเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ดุร้ายที่คอยเฝ้าองค์หญิงหรือสมบัติไม่ยอมให้ใครมากล้ำกราย มีเพียงอัศวินผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะปราบมังกรที่ดุร้ายนี้ได้

ในบทความนี้จะมองมังกรตามความหมายของฝรั่ง

ชีวิตเรามีมังกรอยู่เต็มไปหมด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะออกไปตามหามันถึงในถ้ำแล้วปราบมันหรือไม่ ซึ่งถ้าโชคดี เราอาจจะไปเจอตอนมังกรตอนที่มันยังเล็กและไม่มีพิษสงมากมายนัก เราจึงสามารถจัดการมันได้โดยง่ายดาย

แต่ถ้าเรามัวแต่กลัวมังกร ไม่กล้าเข้าไปในถ้ำ แล้วหวังลมๆ แล้งๆ ว่ามังกรจะจากไปเอง วันหนึ่งมันอาจจะกลับมาไล่ล่าเราก็ได้

คอเลสเตอรอลที่สูงเกิน 200 ความสัมพันธ์ที่เริ่มมีรอยร้าว หนี้บัตรเครดิต เหล่านี้ล้วนเป็นมังกรวัยกระเตาะที่รอให้เราเข้าไปจัดการ

แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจหรือขาดความกล้า รีรอจนมังกรเหล่านี้โตเต็มวัยจนบินได้-พ่นไฟได้ วันหนึ่งเราอาจจะไขมันพอกตับ เราอาจมองหน้าไม่ติดกับคนที่สำคัญที่สุด หรือเราอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตแพงกว่าเงินต้นเสียอีก

จงปราบมังกรตั้งแต่ตอนที่มันยังแบเบาะกันดีกว่าครับ

จะมีความสุขได้ ต้องมีความกล้าเสียก่อน

“The secret of happiness is freedom, and the secret of freedom is courage.”
-Thucydides

หลายคนถูกขังอยู่ในกรงที่เราลงกลอนไว้เอง

เมื่อเคยชินกับ comfort zone การออกไปข้างนอกกรงจึงดูอันตราย

เบื่องานที่ทำอยู่เต็มที แต่ไม่กล้าเปลี่ยนสายงาน

เบื่อคนที่คบอยู่เต็มที แต่ไม่กล้าบอกเขาตรงๆ

เบื่อตัวเองเต็มที แต่ไม่กล้าลุกขึ้นมาทำอะไร

เมื่อไม่มีความกล้า ก็เลยไร้ซึ่งทางเลือก เมื่อเลือกไม่ได้จึงต้องติดหล่มกับสิ่งที่ตัวเราในอดีตได้ทำเอาไว้

แต่หากเราเพิ่มความกล้าขึ้นอีกนิด เสี่ยงขึ้นอีกหน่อย บอกตัวเองว่าถ้าพลาดก็ไม่เป็นไร ยังไงเราคงเอาตัวรอดได้

เราก็จะได้พบหนทางใหม่ๆ ที่นำพาไปสู่วิถีชีวิตที่สอดคล้องกับความเชื่อและตัวตนของเรายิ่งขึ้น และช่วยให้เรามีโอกาสจะพึงพอใจกับชีวิตมากกว่าเดิม

จะมีความสุขได้ต้องมีความกล้าเสียก่อนครับ

คนที่ชอบบอกตัวเองว่าขอศึกษามากกว่านี้ก่อน

บางทีเขาอาจกำลังหลบซ่อนอยู่ก็ได้

กับหลายสิ่งหลายอย่าง เราสามารถลงมือทำและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ไม่จำเป็นต้องศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยลงมือ

เพราะถึงศึกษามาดีแค่ไหน ยังไงโลกแห่งความจริงมันก็ไม่เหมือนในในตำราอยู่ดี

จริงๆ แล้วถ้าอยากศึกษาให้ถ่องแท้ วิธีที่ดีที่สุดคือลงมือทำ เพราะมันจะเข้าใจและขึ้นใจกว่าการอ่านในหนังสือหรือในเว็บบอร์ดมากมายนัก

“We often avoid taking action because we think “I need to learn more,” but the best way to learn is often by taking action.”
-James Clear

อยากเป็นบล็อกเกอร์ก็แค่ลงมือเขียนบทความลงในเฟซตัวเอง

อยากเป็นนักลงทุนก็แค่เปิดพอร์ตแล้วลองซื้อหุ้นที่เรารู้จัก

อยากทำธุรกิจก็แค่ลองเสนอสิ่งที่เราถนัดให้กับเพื่อนฟรีๆ และดูผลตอบรับ

แทบทุกอย่างเราสามารถลงมือทำโดยจำกัดความเสี่ยงได้ทั้งนั้น

อาจจะยังไม่สำเร็จในเชิงตัวเลข แต่ที่แน่ๆ เราได้ออกมาเผชิญกับความกลัวของตัวเอง

และผลตอบแทนคือคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นคำตอบที่เราอยากเห็นหรือไม่อยากเห็นก็ได้

แต่มันจะมีประโยชน์กว่าสิ่งที่เราเจอจากตำราแน่นอน