สัปดาห์ที่แล้วผมได้เข้าร่วม panel discussion ในหัวข้อถอดบทเรียน Work from Home และ New Normal ที่จัดโดยสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย
หนึ่งในคำถามที่ผมได้รับก็คือ หลังจากหมดโควิดแล้วอะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง
ผมตอบไปว่า คนเราน่าจะเห็นคุณค่าของการทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น
การทำงานที่ออฟฟิศมีข้อดีที่เราไม่เคยมองเห็นก่อนเกิดโควิด
ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงานที่ความสูงกำลังดี จอคอมที่ช่วยให้ทำงานได้สะดวก และเก้าอี้สำนักงานที่นั่งแล้วไม่เมื่อยเกินไปนัก
อากาศก็เย็นสบายเพราะเปิดแอร์ได้ทั้งวันโดยที่เราไม่เคยต้องกังวลเรื่องค่าไฟ
และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อนร่วมงาน
เพื่อนร่วมงานบางคนอาจจะน่ารัก บางคนอาจจะน่ารำคาญ แต่ทุกคนสามารถ “ส่งพลังอะไรบางอย่าง” ให้เราได้
ใครที่ได้ WFH คงได้พบความจริงที่ว่า การทำงานที่บ้านทำให้เรา “เฉา” ได้เร็วมาก
อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ที่รายล้อมมันดูดพลังเราไป แต่ที่ออฟฟิศยังมันมีคนเดินไปเดินมาและรับ-ส่งพลังงานกับเรา เราเลยรู้สึกว่าไม่หมดแรงเท่ากับทำงานที่บ้าน
มนุษย์เราไม่ได้ถูกวิวัฒนาการมาให้นั่งหน้าจอคอมวันละ 10 ชั่วโมงหรอก ถ้าอยู่ที่ออฟฟิศ เรามีโอกาสที่จะได้เบรคจากเพื่อนร่วมงานที่มา “ขัดจังหวะ” บ่อยๆ เช่นปรึกษาหารือ เมาธ์มอย ชวนลงไปซื้อขนม ฯลฯ เราก็เลยได้พักสายตา-สายใจจากเครื่องมืออิเลคโทรนิคส์บ้าง แต่อยู่ที่บ้านเราแทบไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นเลยเพราะถึงจะเมาธ์มอยกับเพื่อนร่วมงานก็มักต้องทำผ่านจอคอมอยู่ดี
เฟอร์นิเจอร์ แอร์ และเพื่อนร่วมงานนั้นเป็นข้อดีที่เห็นได้ค่อนข้างชัด แต่แม้กระทั่งเรื่องที่เราบ่นเป็นอันดับหนึ่งอย่างการเดินทางไปทำงานก็มีข้อดีที่เราเคยมองข้ามไปเช่นกัน
ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลาที่ขับรถและฟังพอดคาสท์ดีๆ หรือเปิดเพลงดังๆ แล้วร้องตามได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร มันคือ me time ที่หาได้ยากขึ้นมากในช่วง WFH
เหล่านี้คือคุณค่าที่เราเคยมองข้ามก่อนเกิดโควิด
เมื่อพวกเราได้ทยอยกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้ว แน่นอนว่าเรื่องปวดหัวที่มาพร้อมกับการทำงานออฟฟิศนั้นก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
แต่ถ้าเรามองเห็นคุณค่าที่เราเคยมองข้ามไป อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีความอดทนและมีความเข้าใจมากขึ้นครับ