เหตุผลที่เขียนบล็อก

20160328_WhyIBlog

วันก่อนมีผู้อ่านท่านหนึ่งถามผมมาทาง Facebook ว่า “ทำไมถึงเขียนบล็อก” ผมเลยบอกเขาไว้ว่า จะมาตอบคำถามนี้ผ่านบล็อกนะครับ

ผมขอแบ่งเหตุผลที่เขียนบล็อกเป็นสองส่วน คือทำไมถึงเริ่มเขียน และทำไมถึงยังคงเขียนอยู่

—–

ทำไมถึงเริ่มเขียน?

อยากมีเว็บไซต์ของตัวเอง สมัยนี้การสร้างเว็บไซต์ของตัวเองง่ายกว่าแต่ก่อนมาก แทบไม่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคอะไรเลย ดังนั้นเลยคิดว่าน่าจะดีถ้าเราจะมีเว็บของตัวเองซักเว็บนึง และการทำเว็บผ่านการเปิดบล็อกกับ Tumblr หรือ WordPress ก็เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด ตอนแรกไม่ได้อยากจะใช้ชื่อ anontawong.com นะครับ แต่พอลองคิดชื่ออื่นๆ ที่ชอบก็มีคนเอาไปหมดแล้ว เลยต้องมาลงเอยกับชื่อตัวเอง

มีบล็อกเกอร์เป็นไอดอล บล็อกเกอร์คนหนึ่งที่ผมติดตามมานานแล้วชื่อ Seth Godin ซึ่งเป็นหนึ่งใน Marketing Guru ที่โด่งดังที่สุดในยุคนี้ (เขียนหนังสืออย่าง Purple Cow, Linchpin, และ The Icarus Deception) เซ็ธเขียนบล็อกมา 14 ปีแล้ว และเซ็ธคนนี้เองที่แนะนำว่าเราควรจะเขียนบล็อกทุกวัน

อยากฝึกปรือการเขียน ช่วงที่ผมเปิดบล็อก anontawong.com ผ่าน Tumblr ใหม่ๆ ผมจะเขียนบล็อกเป็นสองภาษา (ดูตัวอย่างได้ที่ตอน Unforgettable Conversation และตอนคนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน) เพราะจะได้ฝึกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไปในตัว แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขียนได้ไม่มากนักเพราะต้องใช้พลังงานเยอะ แค่คิดจะเขียนก็เหนื่อยแล้ว

มีคนให้กำลังใจ ผมเคยอาสาเขียนบทความให้นิตยสาร Neighbour ที่เป็นนิตยสารแจกฟรี พอปลายปี 2557 จัดงานแต่งงานก็เลยเอาบทความเหล่านี้มารวบรวมพิมพ์เป็นของชำร่วย แล้วมีผู้ใหญ่หลายคนที่เอาไปอ่านแล้วชอบใจ คุณทอรุ้ง จรุงกิจอนันต์ (ภรรยาคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ นักเขียนขั้นเทพผู้ล่วงลับ) บอกผ่านพ่อผมมาว่า “อย่าหยุดเขียน”

ได้อ่านหนังสือดี ช่วงสิ้นปี 2557 ผมไปหยุดพักผ่อนที่กาญจนบุรี ได้อ่านหนังสือจบไปสองเล่มคือ คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย  ของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ กับ มองไกลบนไหล่ยักษ์ ของคุณวิสูตร แสงอรุณเลิศ ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเนื้อหามีอะไรบ้าง รู้แค่เพียงว่าผมได้รับมวลพลังงานอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมตั้งใจว่า กลับมาถึงกรุงเทพจะลองเขียนบล็อกติดต่อกันสามวันดู

อยากแชร์สิ่งที่รู้ ผมว่าหลายคนน่าจะเคยอ่านเจอประโยคบางประโยคที่เปลี่ยนความคิดและมุมมองของเราไปในทางที่ดีขึ้น หรืออ่านหนังสือบางเล่มแล้วได้แต่เสียดายว่า ทำไมเราไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ให้เร็วกว่านี้ ผมเองก็เชื่อว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ บ้าง จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาลองผิดลองถูกเหมือนผมครับ

สอดคล้องกับอดีต เขาว่ากันว่าถ้าตอนนี้เราไม่แน่ใจว่า passion ของเราคืออะไรให้ลองมองย้อนกลับไปดูสมัยเด็กๆ ว่าเราชอบทำอะไร ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนอยู่ชั้นประถมผมเคยลงเขียนเรียงความส่งประกวดอยู่สามสี่ครั้ง โดยส่วนใหญ่เขาจะให้ภาพมาหนึ่งภาพและให้เราเล่าเรื่องจากภาพนั้น จำได้ว่ามีภาพหนึ่งที่เป็นชายฝรั่งสามคนใส่สูทที่ดูโบราณๆ หน่อยคุยกันอยู่สามคน ผมก็ใช้จินตนาการเป็นตุเป็นตะว่าสามคนนี้กำลังคุยเรื่องประดิษฐ์นาฬิกาเรือนแรกของโลกกันอยู่ (ถกกันแม้กระทั้งเรื่องตัวเลขบนนาฬิกา ว่าควรจะมีแค่ 1-12 หรือเลข 1-24) จำได้ว่าเรียงความชิ้นนี้ได้เป็นตัวแทนไปแข่งในระดับเขตเลยทีเดียว!

สอดคล้องกับอนาคต ผมแอบมีความคิดว่าพอลูกเรียนจบ ผ่อนบ้านหมดแล้ว ก็อยากอยู่บ้านเยอะๆ และใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือดีๆ และเขียนบทความเพื่อหารายได้เป็นค่าขนม จะได้ไม่ต้องออกไปฝ่าฟันทำงานนอกบ้าน การเขียนบล็อกก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างแบรนด์ให้ตัวเองในฐานะนักเขียนคนหนึ่งครับ

—–

ทำไมถึงยังคงเขียนอยู่?

เขียนให้ผู้อ่าน ความรู้สึกที่ดีที่สุดสำหรับบล็อกเกอร์ คือเขียนบทความแล้วมีคนเห็นว่ามีประโยชน์ ซึ่งตัวบ่งชี้ที่สำคัญก็คือดูว่ามีคนแชร์บล็อกของเรามากแค่ไหน โดยตอนนี้บทความของผมจะมีคนแชร์ประมาณ 50-100 ครั้ง แต่ถ้าบางบทความโดนใจคนมากๆ ก็อาจมีคนแชร์เป็นพันเป็นหมื่นครั้งเลยทีเดียว ไม่มีอะไรจะน่าชื่นใจไปกว่านี้แล้ว

เขียนให้คนในครอบครัว เรื่องบางเรื่องเราอาจจะไม่มีเวลาได้นั่งคุยกับคนในครอบครัว ก็เลยใช้วิธีเขียนให้อ่านแทน อย่างบทความวิธีการจัดบ้านแบบ KonMari ซึ่งเป็นบทความที่มียอดคนอ่านมากที่สุด ก็เกิดจากการที่ผมเขียนให้คนในบ้านได้อ่านก่อนจะลงมือเก็บบ้านจริง

เขียนเตือนใจตัวเอง หลายบทความก็เป็นการเขียนเพื่อเตือนใจตัวเองเป็นหลัก เช่นเรื่องเมื่อไหร่จะเหนื่อยน้อยลง วิธีการใช้มือถือในปี 2559 และ ยังไม่มีอารมณ์

เขียนเพื่อบันทึกเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน วันที่มีลูกคนแรก และวันที่ทำความฝันวัยเด็กให้เป็นจริงด้วยการไปดูแมนยูที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด

เขียนเป็นมรดก เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของชีวิตและต้องไปงานศพบ่อยขึ้น ก็คิดว่าถ้ามีอะไรบางอย่างทิ้งไว้เป็นประโยชน์ต่อโลกบ้าง การมาของเราคราวนี้ก็คงไม่สูญเปล่า

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ช่วยสนับสนุน Anontawong’s Musings ตลอดมา อยู่กับผมไปนานๆ นะครับ!

—–

อ่านตอนเก่าๆ ได้ที่ https://anontawong.com/archives/

อ่านตอนใหม่ๆ ได้ทุกวันที่ Facebook Page Anontawong’s Musings (ที่ปุ่มไลค์จะมี drop down menu ให้เลือกได้ว่าอยากจะให้มี notifications หรืออยากเห็นโพสต์จากเพจนี้อยู่ต้นๆ ฟีดรึเปล่าครับ)

ดาวน์โหลดอีบุ๊ค “เกิดใหม่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay.com

2 thoughts on “เหตุผลที่เขียนบล็อก

  1. พี่รุตม์ อ่านหนังสือเดือนละประมาณกี่เล่มครับ?

    Liked by 1 person

Leave a comment